
ถ้ากำลังมองหา เรียนอังกฤษ ตัวต่อตัว 100 บาท เพื่อฝึกพูดให้คล่อง เข้าใจไว และประหยัดค่าใช้จ่าย บทความนี้สรุปทางเลือกที่ทำได้จริง ตั้งแต่คลาสออนไลน์ 1:1 แบบสั้น 25 นาที คอร์สเริ่มต้นสำหรับผู้ที่ยังไม่มีพื้นฐาน ไปจนถึงแนวทางเลือกครูที่มีใบรับรอง TESOL พร้อมตารางเทียบรูปแบบเรียน วิธีคุมงบ เอกสารประกอบการฝึก และกรณีศึกษาที่เห็นผลเป็นตัวเลข แนะนำให้ใช้โมเดล “สั้นแต่ถี่” เน้นฝึกคำ–วลีในชีวิตประจำวัน แล้วต่อยอดด้วยการพูดโต้ตอบกับครูอย่างเป็นธรรมชาติ

สรุปความต้องการของผู้เรียนและคำตอบตรงประเด็น
เป้าหมายหลักคือ “พูดได้จริง รวดเร็ว และประหยัด” การเรียนแบบ 1:1 ช่วยโฟกัสจุดบกพร่องเฉพาะตัว รับคำแก้ไขทันที และจัดตารางสั้นๆ ได้บ่อยครั้ง เหมาะกับผู้ที่เริ่มจากศูนย์หรือยังไม่มั่นใจ ทั้งยังควบคุมงบได้โดยเริ่มจากแพ็กเกจเล็ก คอร์สสั้น 25 นาที และทดลองก่อนซื้อจำนวนมาก
รายการตัวเลือกยอดนิยม (เริ่ม 100 บาทขึ้นไป)
ด้านล่างคือทางเลือกที่พบได้ทั่วไปในไทย โดยมุ่งเน้นคลาสออนไลน์ 1:1 และคอร์สพื้นฐานที่เน้นการสื่อสารจริง ราคาอาจแตกต่างตามช่วงโปรโมชั่น ระยะเวลา และแพ็กเกจ ควรถือหลัก “เริ่มเล็ก ทดสอบจริง แล้วค่อยขยายชั่วโมง”
คอร์ส 1:1 ออนไลน์แบบสั้น 25 นาที
- เหมาะกับ: ผู้เริ่มต้น 0, ผู้ที่ต้องการฝึกพูดสั้นทุกวัน
- รูปแบบ: บทสนทนาตามหัวข้อชีวิตประจำวัน, โฟนิกส์–สำเนียง, สรุปคำผิดท้ายคาบ
- งบประมาณ: เริ่มประมาณ 100 บาทขึ้นไป เมื่อเฉลี่ยต่อคาบในบางแพ็กเกจ
คอร์สตัวต่อตัวกับครูต่างชาติที่มีใบรับรอง TESOL
- เหมาะกับ: ผู้ที่อยากเร่งความมั่นใจและต้องการข้อเสนอแนะเชิงเทคนิค
- รูปแบบ: ปรับเนื้อหาเฉพาะบุคคล วัดระดับก่อนเรียน ติดตามผลทุกสัปดาห์
- งบประมาณ: ราคาแปรผันตามประสบการณ์และแพลตฟอร์ม (เริ่มประมาณ 100 บาทขึ้นไปในบางช่วง)
แพลตฟอร์มที่ให้บริการในไทย (ตัวอย่าง)
- 51Talk – เรียนสด 1:1 ออนไลน์ เน้นสนทนาและความคล่องตัว มีคอร์สเริ่มต้นหลายระดับ (ราคาเฉลี่ยต่อคาบแตกต่างตามโปรและแพ็กเกจ เริ่ม ประมาณ 100 บาทขึ้นไป)
- Globish Kids / Globish – เน้นบทสนทนา 1:1 ความยาวคาบสั้น เหมาะกับคนที่ต้องการฝึกพูดบ่อย
- AUA (หลักสูตรเยาว์วัย/สื่อสาร) – สายสถาบันที่อิงระดับ CEFR ชัดเจน มีแบบทดสอบวัดระดับก่อนเข้าเรียน
หมายเหตุ: รายชื่อข้างต้นเพื่ออธิบาย “แนวทางเลือก” ไม่ใช่การจัดอันดับ และไม่ระบุราคาแน่นอนเพราะขึ้นอยู่กับช่วงเวลา แพ็กเกจ และโปรโมชัน

ตารางเปรียบเทียบรูปแบบเรียน (เลือกให้ตรงงบและเป้าหมาย)
รูปแบบ | จุดเด่น | ข้อพิจารณา | เหมาะกับระดับ | งบประมาณเฉลี่ย |
---|---|---|---|---|
ออนไลน์ 1:1 คาบสั้น 25 นาที | โฟกัสจุดผิดเฉพาะตัว, ฝึกบ่อย, ปรับตารางยืดหยุ่น | ต้องวางแผนคำ–วลีเป้าหมายแต่ละคาบ | A0–A2 | เริ่มราว 100 บาทขึ้นไป เมื่อเฉลี่ยตามแพ็กเกจ |
ตัวต่อตัวคาบยาว 50–60 นาที | ลงลึกไวยากรณ์ + พูดต่อเนื่องยาว | ใช้พลังงานสูง ต้องแบ่งช่วงพัก | A1–B1 | มากกว่า 100 บาทขึ้นไป |
กลุ่มเล็ก 2–3 คน | จำลองสถานการณ์สนทนา, แชร์บทบาท | เวลาพูดของแต่ละคนลดลง | A1–B1 | ต่อคนอาจต่ำกว่า 1:1 |
คอร์สอิงมาตรฐาน CEFR | เลื่อนระดับชัดเจน, มีวัดผลก่อน–หลัง | ต้องสม่ำเสมอและทำงานเสริมเอง | A1–B2 | แปรผันตามสถาบัน |
เคล็ดลับ: เริ่มด้วยคอร์สสั้น 25 นาที 2–3 ครั้ง/สัปดาห์ แล้วประเมินผลทุก 2 สัปดาห์ เพื่อตัดสินใจเพิ่ม–ลดชั่วโมงอย่างคุ้มค่า
วิธีเลือกครูและคอร์สให้คุ้ม (สเต็ปใช้งานได้จริง)
1) เช็กใบรับรองและประสบการณ์
ให้ความสำคัญกับครูที่มีคุณวุฒิด้านการสอนภาษาอังกฤษแก่ผู้เรียนต่างชาติ เช่น TESOL/TEFL ควบคู่ประสบการณ์สอนตามช่วงวัยและเป้าหมาย (เช่น ฝึกออกเสียง พูดโต้ตอบ หรือเตรียมสอบ)
2) วัดระดับก่อนเริ่ม
ทำแบบทดสอบสั้นๆ เพื่อทราบระดับใกล้เคียง A1–A2 แล้วเลือกหัวข้อที่ต้องการใช้ทันที เช่น แนะนำตัว สอบถามทาง การสั่งอาหาร จะช่วยให้คาบแรกเห็นผลเร็ว
3) แผนเรียน “สั้นแต่ถี่”
การเรียน 1:1 ทุกครั้งควรกำหนดคำ–วลีเป้าหมาย (เช่น 8–12 คำ) พร้อมกิจกรรมพูดจริง 2–3 รอบ ตอนจบคาบครูสรุปคำที่ผิดและการบ้านเสียง 1 นาที
4) บันทึกเสียง–วิดีโอสั้น
อัดเสียงพูดสรุปหัวข้อใน 30–60 วินาทีหลังเรียน แล้วเทียบกับอัดเสียงครั้งก่อน เพื่อดูความชัดและความคล่องที่เพิ่มขึ้น
โครงแผนการเรียน 4–12 สัปดาห์ (ปรับใช้ได้กับทุกระดับเริ่มต้น)
สัปดาห์ที่ 1–2: ตั้งฐานเสียงและวลีใช้บ่อย
- โฟนิกส์สระ–พยัญชนะ + คำในชีวิตประจำวัน 40–60 คำ
- บทสนทนาสั้น 6–8 บรรทัด เช่น แนะนำตัว, ขอความช่วยเหลือ
- การบ้าน: อัดเสียง 45 วินาที สรุปเรื่อง “Who am I?”
สัปดาห์ที่ 3–4: ขยายคลังคำและสถานการณ์
- คำ–วลีเพิ่มอีก 60–80 คำ (การเดินทาง อาหาร กิจวัตร)
- บทบาทสมมติ 2 สถานการณ์/คาบ เน้นต่อรอง–ตอบกลับ
- การบ้าน: ทำแฟลชการ์ดดิจิทัล + พูดเล่า 60 วินาที
สัปดาห์ที่ 5–8: ต่อเนื่องด้วยย่อหน้าสั้น
- อ่าน–พูดย่อหน้าสั้น 70–100 คำ/คาบ ฝึกจังหวะ–น้ำเสียง
- โครงสร้างพื้นฐาน: be, have, can, past simple แบบใช้งานจริง
- การบ้าน: วิดีโอรีวิวสิ่งของที่ชอบ 1 นาที
สัปดาห์ที่ 9–12: โจทย์จริงและการนำเสนอ
- โครงงานพรีเซนต์ 2–3 นาที หัวข้อที่สนใจจริง
- แบบทดสอบก่อน–หลังเทียบอัตราคำผิดและความคล่อง
- สรุปผลและแผนต่อยอดระดับถัดไป
กรณีศึกษาและผลลัพธ์จริง
เคส A: เริ่มจากศูนย์ ต้องการพูดประโยคสั้น
แผน: คลาส 1:1 25 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง × 8 สัปดาห์ + การบ้านอัดเสียงสั้นทุกครั้ง
- สัปดาห์ที่ 1 → 8: คลังคำเพิ่มจาก ~50 เป็น ~320 คำ
- เวลาตอบกลับคำถามพื้นฐาน ลดจาก ~6 วินาที เหลือ ~2–3 วินาที
- คะแนนออกเสียง (เช็กลิสต์ 10 จุด) ดีขึ้นจาก 4/10 เป็น 8/10
เคส B: มีพื้นฐาน A1 ต้องการสนทนาไหลลื่น
แผน: คลาส 50 นาที สัปดาห์ละ 2 ครั้ง × 12 สัปดาห์ + ฝึกบทบาทสมมติ 2 ฉาก/คาบ
- พูดต่อเนื่อง 2–3 นาทีโดยหยุดน้อยลง ~40%
- การใช้วลีเชื่อม (first, then, because) เพิ่มขึ้นชัดเจน
- ความมั่นใจจากแบบสอบถามสั้น เพิ่มจาก 3/5 เป็น 4.6/5

ทำไม 1:1 ถึงช่วยได้ไว (หลักฐานทางการศึกษาแบบเข้าใจง่าย)
- การสอนแบบตัวต่อตัวเปิดโอกาสให้แก้จุดบกพร่องเฉพาะบุคคลและให้คำแนะนำทันที ทำให้ความก้าวหน้าเร็วขึ้นเมื่อเทียบกับรูปแบบทั่วไป
- การกำหนดเป้าหมายรายคาบ + การบ้านสั้นๆ หลังเรียน ทำให้การย้ำซ้ำมีคุณภาพและไม่รู้สึกหนัก
- การอ้างอิงระดับ A1–A2 ช่วยให้ติดตามพัฒนาการได้เป็นขั้นตอนและเลือกหัวข้อสนทนาได้ตรงจุด
เครื่องมือและเอกสารประกอบ (ใช้งานฟรีหรือทำเองได้)
- แฟลชการ์ดดิจิทัล: ทำชุดคำ 12 คำ/สัปดาห์ พร้อมเสียงตัวอย่าง
- เช็กลิสต์ออกเสียง 10 จุด: เน้นเสียงสระ–พยัญชนะยาก
- เทมเพลตการบ้านเสียง 60 วินาที: “หัวข้อ–วลีเป้าหมาย–ตัวอย่างประโยค”
- สมุดคำผิดประจำตัว: บันทึกคำที่มักออกเสียงเพี้ยนและสะกดผิด
แนวปฏิบัติเรื่องราคาและการคุมงบ
- เริ่มจากแพ็กเกจทดลอง: 1–2 สัปดาห์ เพื่อตรวจสอบวิธีสอนและความเหมาะสม
- ตั้งงบรายเดือนแบบยืดหยุ่น: เฉลี่ยราคาต่อคาบให้ใกล้ 100 บาทขึ้นไป โดยเลือกจำนวนคาบที่พอดีกับเวลา
- เก็บบันทึกชั่วโมงต่อผลลัพธ์: ดูว่า “กี่ชั่วโมงต่อการเพิ่มคลังคำ 100 คำ” เพื่อคำนวณความคุ้มค่า
แนวทางเลือกแพลตฟอร์มในไทย (ใส่ใจคุณภาพและมาตรฐาน)
- มีการวัดระดับก่อน–หลังเรียน และรายงานผลอ่านง่าย
- ครูมีใบรับรองด้านการสอนภาษาแก่ผู้เรียนต่างชาติ (เช่น TESOL)
- คาบสั้น 25 นาทีสำหรับฝึกบ่อย และคาบยาวสำหรับลงลึกเป็นครั้งคราว
- เลือกแพลตฟอร์มที่มีตารางยืดหยุ่นและฝ่ายสนับสนุนตอบไว
คำถามที่พบบ่อย
จะเริ่มอย่างไรถ้ายังไม่มีพื้นฐานเลย?
เริ่มด้วยคอร์ส 1:1 คาบสั้น 25 นาที เลือกหัวข้อแนะนำตัวและคำในชีวิตประจำวัน กำหนดคำเป้าหมาย 8–12 คำ/คาบ แล้วอัดเสียงทวนหลังเรียน
เรียนสัปดาห์ละกี่ครั้งดี?
แนะนำ 2–3 ครั้ง/สัปดาห์ แบบสั้นแต่ถี่ เน้นคุณภาพการทวนมากกว่าความยาวคาบ
ราคา 100 บาททำได้จริงหรือ?
ขึ้นกับแพ็กเกจและช่วงโปรโมชัน บางกรณีเมื่อเฉลี่ยต่อคาบอาจใกล้เคียง 100 บาทขึ้นไป ควรทดลองและคำนวณจากยอดรวมต่อเดือน
จำเป็นต้องเรียนกับครูต่างชาติหรือไม่?
หากต้องการฝึกสำเนียงและการโต้ตอบทันที ครูต่างชาติที่มีใบรับรองด้านการสอนช่วยได้มาก แต่ควรดูความเข้ากันได้ของสไตล์การสอนเป็นหลัก
เลือกสื่อประกอบอะไรดี?
แฟลชการ์ด 12 คำ/สัปดาห์ + ย่อหน้าสั้น 70–100 คำ + การบ้านเสียง 60 วินาที จะเห็นผลใน 4–8 สัปดาห์
ผู้เขียนและแนวทางทำงาน
ผู้เขียนมีประสบการณ์สอนภาษาอังกฤษระดับเริ่มต้นมากกว่า 10 ปี ออกแบบคอร์สตัวต่อตัวสำหรับผู้ที่ยังไม่มั่นใจในการพูดและการออกเสียง เน้นวิธี “สั้นแต่ถี่” พร้อมเครื่องมือบันทึกเสียงและเช็กลิสต์ส่วนบุคคล ผลลัพธ์ที่พบสม่ำเสมอคือคลังคำเพิ่มเร็วและความคล่องดีขึ้นเมื่อมีการทวนอย่างสม่ำเสมอ
สรุป: แนวทาง “สั้นแต่ถี่ + เน้นวลีใช้จริง + วัดผลรายสัปดาห์” ทำให้การ เรียนอังกฤษ ตัวต่อตัว 100 บาท (หรือใกล้เคียงตามแพ็กเกจ) เกิดผลลัพธ์ที่จับต้องได้ เลือกครูที่มีใบรับรองด้านการสอน ตรวจสอบความเข้ากันได้ของสไตล์ และติดตามผลอย่างโปร่งใส เท่านี้ก็เดินหน้าได้มั่นใจ