Since vs For ต่างกันยังไง? เทคนิคจำง่าย ใช้สอบได้จริง

สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกคน! ใครที่กำลังเตรียมตัวสอบภาษาอังกฤษ หรือแม้แต่คนที่ใช้ภาษาอังกฤษในที่ทำงาน เชื่อว่าต้องเคยเจอกับปัญหาโลกแตกอย่างการใช้ Since และ For กันมาบ้างแน่นอนครับ สองคำนี้ดูเหมือนจะง่าย แต่พอจะหยิบมาพูดหรือเขียนทีไร หลายคนยังแอบลังเลว่า “เอ๊ะ! ประโยคนี้ต้องใช้ Since หรือ For กันแน่นะ?” ยิ่งถ้าเป็นในสนามสอบอย่าง TOEIC, O-NET หรือ IELTS ที่ทุกคะแนนมีความหมาย การใช้ผิดนิดเดียวอาจทำให้อดคะแนนข้อนั้นไปอย่างน่าเสียดายเลยครับ

ในฐานะที่ผมคลุกคลีอยู่กับวงการภาษาอังกฤษและการสอนเด็กๆ มากว่า 10 ปี ผมเข้าใจดีครับว่าความสับสนนี้มันน่าปวดหัวแค่ไหน วันนี้ผมเลยตั้งใจเขียนบทความนี้ขึ้นมาแบบจัดเต็มที่สุด (รับรองว่าละเอียดกว่าที่ไหนๆ) เพื่อให้เพื่อนๆ เข้าใจคำว่า Since vs For ต่างกันยังไง แบบทะลุปรุโปร่ง ไม่ใช่แค่จำไปสอบ แต่เอาไปใช้พูดคุยในชีวิตจริงได้อย่างมั่นใจ เป็นธรรมชาติ เหมือนเจ้าของภาษามาเองเลยครับ

บทความนี้เราจะเจาะลึกกันตั้งแต่รากฐาน เทคนิคการจำที่รับรองว่า “จำครั้งเดียว ใช้ได้ตลอดชีวิต” ไปจนถึงการตะลุยโจทย์ข้อสอบจริง พร้อมตัวอย่างประโยคที่คัดมาแล้วว่าได้ใช้แน่นอน เตรียมสมุดโน้ตให้พร้อม แล้วเรามาลุยกันเลยครับ!

1. ทำความเข้าใจพื้นฐาน: Since vs For คืออะไรกันแน่?

ก่อนที่เราจะไปดูเทคนิคขั้นเทพ เราต้องปูพื้นฐานให้แน่นกันก่อนครับ หัวใจสำคัญของเรื่องนี้อยู่ที่ “มุมมองเรื่องเวลา” ครับ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ให้ความสำคัญกับ “เวลา” (Tense) มากๆ และเจ้าสองคำนี้แหละครับ คือกุญแจสำคัญที่จะบอกว่าเหตุการณ์นั้น “เริ่มเมื่อไหร่” หรือ “นานแค่ไหน”

Since (ตั้งแต่) = จุดเริ่มต้นของเวลา (Point of Time)

คำว่า Since (อ่านว่า ซิ๊นส์) แปลว่า “ตั้งแต่” ครับ ให้เพื่อนๆ นึกภาพถึง “จุดจุดหนึ่ง” บนปฏิทิน หรือบนนาฬิกา มันคือการปักหมุดลงไปว่า เหตุการณ์นี้มันสตาร์ทเริ่มขึ้นเมื่อไหร่นะ? โดยที่เราไม่ได้สนใจว่ามันผ่านมากี่วันกี่ปีแล้ว สนแค่ว่า “เริ่มตอนไหน”

• Since 2020 (ตั้งแต่ปี 2020) – ปักหมุดที่ปี
• Since yesterday (ตั้งแต่เมื่อวาน) – ปักหมุดที่วัน
• Since 9 AM (ตั้งแต่ 9 โมงเช้า) – ปักหมุดที่เวลา
• Since I was young (ตั้งแต่ฉันยังเด็ก) – ปักหมุดที่ช่วงชีวิต

For (เป็นเวลา) = ระยะเวลา (Period of Time)

ในทางตรงกันข้าม คำว่า For (อ่านว่า ฟอร์) แปลว่า “เป็นเวลา” หรือ “เป็นระยะเวลา” ครับ อันนี้ให้นึกถึง “ไม้บรรทัด” หรือ “นาฬิกาจับเวลา” ครับ เรากำลังวัดความยาวของช่วงเวลาว่า ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ (หรือจนถึงตอนที่พูด) มันกินเวลาไปนานแค่ไหนแล้ว 1 ชั่วโมง? 2 วัน? หรือ 10 ปี?

• For 2 hours (เป็นเวลา 2 ชั่วโมง) – ความยาวคือ 2 ชม.
• For 3 days (เป็นเวลา 3 วัน) – ความยาวคือ 3 วัน
• For 10 years (เป็นเวลา 10 ปี) – ความยาวคือ 10 ปี
• For a long time (เป็นเวลานาน) – ความยาวที่ไม่ระบุชัดแต่รู้นาน

2. เจาะลึกการใช้ Since: เทคนิคปักหมุดเวลาให้แม่นยำ

หลายคนมักตกม้าตายตอนใช้ Since เพราะไม่แน่ใจว่าอะไรบ้างที่ถือเป็น “จุดเริ่มต้น” ลองมาดูรายละเอียดกันครับ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนที่สุด

2.1 Since ตามด้วย “เวลาเจาะจง” (Specific Time)

นี่คือรูปแบบที่เจอบ่อยที่สุดครับ คือตามด้วย ชื่อวัน, ชื่อเดือน, ปี ค.ศ., หรือเวลาบนนาฬิกา

• Since Monday (ตั้งแต่วันจันทร์)
• Since April (ตั้งแต่เดือนเมษายน)
• Since 1999 (ตั้งแต่ปี 1999)
• Since Christmas (ตั้งแต่วันคริสต์มาส)
• Since lunchtime (ตั้งแต่เวลามื้อเที่ยง)

2.2 Since ตามด้วย “ประโยค Past Simple” (Since + Subject + V.2)

อันนี้เป็นไม้ตายที่ข้อสอบชอบออกครับ! บางครั้งจุดเริ่มต้นไม่ใช่เวลา แต่เป็น “เหตุการณ์ในอดีต” ดังนั้นหลัง Since สามารถตามด้วยประโยคที่เป็นอดีต (Past Simple) ได้เลย

• Since I graduated (ตั้งแต่ฉันเรียนจบ) – การเรียนจบคือจุดเริ่มต้น
• Since we met (ตั้งแต่พวกเราเจอกัน) – การเจอกันคือจุดเริ่มต้น
• Since he moved to Bangkok (ตั้งแต่เขาย้ายมากรุงเทพฯ)

ข้อสังเกตสำคัญ: หน้า Since มักจะเป็น Present Perfect (Have/Has + V.3) แต่หลัง Since ถ้าเป็นประโยค ต้องเป็น Past Simple (V.2) เสมอนะครับ! เช่น “I haven’t seen him since he left school.”

ตัวอย่างประโยค Since ในสถานการณ์ต่างๆ

3. เจาะลึกการใช้ For: เทคนิควัดระยะเวลาแบบมือโปร

มาต่อกันที่คำว่า For บ้างครับ คำนี้หัวใจคือ “ผลรวมของเวลา” ครับ ถ้าคุณต้องใช้นิ้วนับว่า “หนึ่ง สอง สาม…” นั่นแหละครับคือสัญญาณว่าต้องใช้ For

3.1 For ตามด้วย “จำนวนตัวเลข + หน่วยเวลา”

สูตรนี้จำง่ายสุดๆ ครับ เจอตัวเลขเมื่อไหร่ ให้เอะใจไว้ก่อนว่าน่าจะเป็น For

• For 10 minutes (เป็นเวลา 10 นาที)
• For 3 weeks (เป็นเวลา 3 สัปดาห์)
• For 6 months (เป็นเวลา 6 เดือน)
• For 2 centuries (เป็นเวลา 2 ศตวรรษ)

3.2 For ตามด้วย “คำบอกปริมาณเวลาที่ไม่เจาะจง”

บางทีเราไม่ได้นับเลขเป๊ะๆ แต่รู้ว่าเป็นช่วงเวลายาวๆ หรือสั้นๆ ก็ใช้ For ได้เช่นกัน

• For a long time (เป็นเวลานาน)
• For ages (นานมากกกก นานจนรากงอก)
• For a while (สักพักหนึ่ง)
• For a moment (ชั่วครู่หนึ่ง)

ตัวอย่างประโยค For ในชีวิตประจำวัน

• I have waited for you for 2 hours! (ฉันรอคุณมา 2 ชั่วโมงแล้วนะ!)
• She has lived in Chiang Mai for 5 years. (เธออาศัยอยู่เชียงใหม่มา 5 ปีแล้ว)
• Can you please be quiet for a moment? (คุณช่วยเงียบสักครู่ได้ไหม?)

หากคุณอยากทบทวนเรื่องโครงสร้าง Tense เพิ่มเติมเพื่อให้ใช้ For ได้แม่นยำขึ้น ลองอ่านบทความเกี่ยวกับ โครงสร้าง Present Perfect ดูนะครับ จะช่วยให้เข้าใจภาพรวมได้ดีขึ้นมาก

4. ตารางเปรียบเทียบ Since vs For แบบชัดๆ (Cheat Sheet)

เพื่อให้เพื่อนๆ เห็นภาพชัดเจนที่สุด ผมทำตารางสรุปเปรียบเทียบมาให้ครับ เซฟเก็บไว้ดูตอนใกล้สอบได้เลย

5. Since vs For กับ Tense เจ้าปัญหา (ใช้ยังไงไม่ให้โป๊ะ)

หลายคนถามมาว่า “Since กับ For ใช้กับ Tense อะไรได้บ้าง?” นี่คือจุดที่ทำให้คนไทยใช้ผิดบ่อยที่สุดครับ มาเคลียร์กันให้ชัดๆ ไปเลย

5.1 Present Perfect Tense (พระเอกตัวจริง)

นี่คือคู่แท้ของ Since และ For ครับ โครงสร้างคือ S + have/has + V.3 ใช้บอกเหตุการณ์ที่ “เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน”

• ถูก: I have lived here since 2010. (ฉันอยู่มาตั้งแต่ปี 2010 และตอนนี้ก็ยังอยู่)
• ถูก: I have lived here for 10 years. (ฉันอยู่มา 10 ปีแล้ว และตอนนี้ก็ยังอยู่)

5.2 Present Perfect Continuous Tense (เน้นความต่อเนื่อง)

โครงสร้าง S + have/has + been + V.ing ใช้เหมือนกับข้อข้างบน แต่เน้นย้ำว่า “ทำมาตลอดดดด ไม่ได้หยุดพักเลย”

• It has been raining for 3 hours. (ฝนตกมา 3 ชั่วโมงแล้วเนี่ย ยังไม่หยุดเลย)

5.3 ระวัง! Past Simple Tense (อดีตจบแล้วจบเลย)

สำหรับ For สามารถใช้กับ Past Simple ได้ครับ แต่ความหมายจะเปลี่ยนไปทันที คือ “เคยทำ (เป็นเวลา…) แต่ตอนนี้เลิกทำแล้ว”

• Past Simple: I lived in London for 2 years. (ฉัน “เคย” อยู่นาน 2 ปี แต่ตอนนี้ไม่ได้อยู่แล้วนะ)
• Present Perfect: I have lived in London for 2 years. (ฉันอยู่นาน 2 ปีแล้ว และตอนนี้ก็ยังอยู่)

สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังสับสนเรื่องอดีต ลองแวะไปทบทวน โครงสร้าง Past Simple Tense เพิ่มเติมได้ครับ จะช่วยให้แยกความแตกต่างได้ชัดเจนขึ้น

ข้อควรระวัง: Since มักจะไม่ใช้กับ Past Simple ในประโยคหลักครับ (ยกเว้นในกรณีภาษาพูดที่ซับซ้อนบางกรณี แต่มือใหม่จำไว้ว่า อย่าใช้ Since กับ Past Simple เป็นประธานหลักจะปลอดภัยกว่าครับ)

6. เทคนิคการจำแบบ “ทางลัด” ไม่ต้องท่องก็จำได้

ถ้าอ่านทฤษฎีแล้วยังมึนๆ ลองใช้เทคนิคส่วนตัวของผมดูครับ

เทคนิคที่ 1: “Since ซิ = ชี้”

ให้จำว่า Since ออกเสียงคล้ายๆ “ชี้” (ซิ-ชี้) คือการ “ชี้” ไปที่จุดเริ่มต้นของปฏิทิน ชี้ไปที่วันที่ 1, ชี้ไปที่วันจันทร์, ชี้ไปที่ปี 1990

เทคนิคที่ 2: “For = รวม”

ให้จำว่า For คือการ “รวม” เวลาทั้งหมดเข้าด้วยกัน รวมวัน รวมเดือน รวมปี ออกมาเป็นก้อนเวลา

เทคนิคที่ 3: “For มี S, Since ไม่มี” (ใช้กับหน่วยเวลา)

สังเกตง่ายๆ หลัง For มักจะตามด้วยหน่วยเวลาที่เติม s (เพราะมันมีหลายหน่วย) เช่น 2 days, 3 weeks, 10 years แต่หลัง Since จะเป็นชื่อเฉพาะที่ไม่มี s เช่น 1990, Monday, July

7. ลุยโจทย์จริง! ตัวอย่างข้อสอบ Since vs For พร้อมเฉลยละเอียด

มาลองวิชา Since vs For ต่างกันยังไง กันหน่อยครับ ลองทำดูเล่นๆ นะครับ (อย่าเพิ่งแอบดูเฉลยนะ!)

แบบฝึกหัด (Quiz)

1. I haven’t seen Tom ______ last Friday.
A. for
B. since

2. Sarah has studied English ______ five years.
A. for
B. since

3. We have been waiting ______ a long time.
A. for
B. since

4. He has lived in Japan ______ he was a child.
A. for
B. since

5. They have been married ______ 2015.
A. for
B. since

เฉลย:

1. ตอบ B. since : เพราะ “last Friday” เป็นจุดเวลา (วันศุกร์ที่แล้ว)
2. ตอบ A. for : เพราะ “five years” เป็นระยะเวลา (5 ปี)
3. ตอบ A. for : เพราะ “a long time” เป็นวลีบอกระยะเวลา
4. ตอบ B. since : เพราะ “he was a child” เป็นประโยคอดีตที่บอกจุดเริ่มต้น
5. ตอบ B. since : เพราะ “2015” เป็นจุดเวลา (ปี ค.ศ.)

ใครตอบถูกหมดบ้างครับ? เก่งมาก! ใครผิดไม่ต้องเสียใจ ฝึกบ่อยๆ เดี๋ยวก็แม่นครับ

8. ทำไมเรียนทฤษฎีแล้วยังพูดไม่ได้? วิธีแก้ปัญหาแบบยั่งยืน

เพื่อนๆ เคยไหมครับ? ท่องกฎแม่นมาก ทำข้อสอบได้คะแนนเต็ม แต่พอเจอฝรั่งถาม “How long have you lived here?” กลับยืนนึกคำตอบไม่ออก หรือเผลอตอบไปว่า “I live here since 5 years” (ซึ่งผิดนะครับ! ต้องเป็น “I have lived here for 5 years”)

สาเหตุเพราะเรา “ขาดการฝึกใช้จริง” ครับ ภาษาคือทักษะ (Skill) ไม่ใช่แค่ความรู้ (Knowledge) เหมือนว่ายน้ำแหละครับ อ่านหนังสือสอนว่ายน้ำร้อยเล่ม ก็ไม่สู้ลงสระครั้งเดียว

คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ: วิธีที่เร็วที่สุดที่จะทำให้คุณใช้ Since และ For ได้คล่องคือการฝึกสนทนากับเจ้าของภาษาหรือครูที่มีความเชี่ยวชาญครับ การมีคนคอยแก้ (Correction) ทันทีที่คุณพูดผิด จะทำให้สมองจำแม่นกว่าการท่องจำเองถึง 10 เท่า

ถ้าคุณกำลังมองหาที่ฝึกพูดภาษาอังกฤษแบบจริงจัง แต่ไม่มีเวลาเดินทาง ผมขอแนะนำ 51Talk Thailand ครับ ที่นี่เป็นแพลตฟอร์มเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์แบบตัวต่อตัว (1-on-1) ที่ได้รับความนิยมมากในไทย

• ครูคุณภาพ: ครูทุกคนมีใบรับรอง TESOL (มาตรฐานการสอนภาษาอังกฤษระดับโลก) มั่นใจได้ว่าสอนถูกต้องตามหลักไวยากรณ์เป๊ะๆ
• เน้นการพูด: ได้ฝึกพูดเต็มที่ 25 นาทีต่อคลาส ไม่ต้องแย่งพูดกับเพื่อนร่วมชั้น
• เรียนได้ทุกที่: จะอยู่ที่ไหนในไทยก็เรียนได้ ขอแค่มีมือถือหรือแท็บเล็ต
• ราคาเข้าถึงง่าย: เริ่มต้นหลักร้อย แต่ได้เรียนกับครูต่างชาติ

อยากรู้ว่าดียังไง? ลองเข้าไปดูรีวิวความน่าเชื่อถือได้ที่ 51Talk เชื่อถือได้ไหม? รับรองว่าช่วยให้คุณพูดคล่องขึ้นแน่นอนครับ

9. กรณีศึกษา (Case Study) และผลลัพธ์จริงจากการใช้ Since/For ถูกต้อง

การใช้ภาษาอังกฤษที่ถูกต้องไม่ได้มีผลแค่คะแนนสอบนะครับ แต่ส่งผลถึง “ความน่าเชื่อถือ” ในหน้าที่การงานด้วย ลองดูตัวอย่างจริงจากนักเรียนของผมครับ

Case Study: คุณนนท์ (วิศวกรซอฟต์แวร์)
คุณนนท์ต้องเขียนอีเมลรายงานความคืบหน้าโปรเจกต์ให้หัวหน้าชาวสิงคโปร์ เดิมทีเขาชอบเขียนว่า “I work on this project since 2 weeks.” (ผิดแกรมม่า และดูไม่เป็นมืออาชีพ) ทำให้หัวหน้ามักจะถามย้ำบ่อยๆ ว่าตกลงเสร็จหรือยัง หรือเริ่มเมื่อไหร่

หลังจากปรับแก้มาใช้ “I have been working on this project for 2 weeks.” (ถูกต้อง) หรือ “I have started this project since last Monday.” ผลลัพธ์คือการสื่อสารชัดเจนขึ้น หัวหน้าเข้าใจสถานะงานทันที ลดการส่งอีเมลกลับไปกลับมา และได้รับคำชมว่าภาษาอังกฤษพัฒนาขึ้น นี่คือพลังของ Grammar เล็กๆ ที่สร้าง Impact ใหญ่ๆ ครับ

10. คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Since และ For

Q: Since ใช้กับ Future Tense (อนาคต) ได้ไหม?

A: โดยปกติ ไม่ได้ ครับ Since จะใช้กับจุดเริ่มต้นใน “อดีต” เท่านั้น ถ้าจะบอกจุดเริ่มต้นในอนาคต เรามักจะใช้ “from” แทนครับ เช่น “I will start working from next Monday.” (ไม่ใช่ since next Monday)

Q: For สามารถละไว้ในฐานที่เข้าใจได้ไหม?

A: ได้ในบางกรณีครับ โดยเฉพาะกับคำว่า “all day” หรือ “all night” เราจะไม่ใช้ for นำหน้า เช่น “I have been working all day.” (ไม่ต้องมี for) แต่ถ้าเป็นเวลาปกติ ควรใส่ for เพื่อความชัดเจนครับ

Q: “Ever since” แปลว่าอะไร? ต่างจาก Since ไหม?

A: “Ever since” แปลว่า “ตลอดมาตั้งแต่…” หรือ “ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา” ใช้เน้นความต่อเนื่องที่ยาวนานและมั่นคงกว่า since เฉยๆ ครับ เช่น “He left home in 2010 and hasn’t returned ever since.”

Q: ถ้าจะเตรียมสอบ TOEIC เรื่องนี้ออกเยอะไหม?

A: ออกเยอะมากครับ! โดยเฉพาะในพาร์ท Reading และ Incomplete Sentences การแยก Since/For ให้ได้คือคะแนนฟรีๆ ที่ไม่ควรพลาดครับ ลองไปฝึกทำข้อสอบเพิ่มเติมได้ที่บทความ ข้อสอบ TOEIC 2025 ของเราได้เลยครับ

สรุปส่งท้าย: Since vs For ไม่ยากอย่างที่คิด!

เป็นยังไงบ้างครับ? หวังว่าบทความนี้จะช่วยไขข้อข้องใจเรื่อง Since vs For ต่างกันยังไง ให้กับเพื่อนๆ ได้นะครับ จำหลักการง่ายๆ ไว้: Since = จุดเริ่ม (ชี้) / For = ระยะเวลา (รวม) แค่นี้ก็ทำข้อสอบผ่านฉลุย และใช้สื่อสารได้มั่นใจขึ้นเยอะแล้วครับ

การเรียนภาษาอังกฤษไม่มีทางลัด แต่มีทางที่สนุกและได้ผลจริงครับ อย่าลืมหมั่นฝึกฝน นำสิ่งที่เรียนไปใช้จริง และถ้ามีโอกาส ลองเปิดใจเรียนกับผู้เชี่ยวชาญดูนะครับ ขอให้ทุกคนสนุกกับการเรียนภาษาอังกฤษ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าครับ!

แหล่งอ้างอิงและเอกสารวิชาการ (References)

• Cambridge Dictionary. (n.d.). Since and For. Cambridge University Press.
• British Council. (n.d.). Present perfect with for and since. LearnEnglish.
• Oxford Learner’s Dictionaries. (n.d.). Usage of Prepositions of Time. Oxford University Press.