คอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดีที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและมีใบรับรองจบหลักสูตร

  • หน้าแรก
  • บทความ
  • บล็อก
  • คอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดีที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและมีใบรับรองจบหลักสูตร
คอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดีที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและมีใบรับรองจบหลักสูตร
  • ตุลาคม 15, 2025

ถ้าคุณกำลังเริ่มต้นจากศูนย์และต้องการใบรับรองจบหลักสูตรที่ใช้ยืนยันทักษะได้จริง ให้โฟกัส 5 ประเด็นนี้: เป้าหมายตามระดับ CEFR (A1–A2 สำหรับพื้นฐาน), ชั่วโมงเรียนที่เพียงพอ, คุณสมบัติครู (เช่น TESOL/TEFL), รูปแบบการสอนที่เหมาะกับเวลา และระบบออกใบรับรองที่ตรวจสอบได้ หลักสูตรที่ดีควรผสมผสานการฝึกฟัง–พูด–อ่าน–เขียน พร้อมภารกิจใช้งานจริงและการประเมินระหว่างเรียน เมื่อจบแล้วออกเอกสารระบุชั่วโมง, ผลประเมิน, และระดับที่สอดคล้องกับ CEFR เพื่อใช้ต่อยอดสมัครงานหรือเรียนต่อ คีย์เวิร์ดอย่าง “เรียนภาษาอังกฤษ” ควรปรากฏในสื่อประกอบ เช่นชื่อไฟล์รูป/วิดีโอและข้อความกำกับภาพ

เลือกคอร์สแบบไหน “คุ้ม” และจบแล้วมีใบรับรอง

เกณฑ์คัดเลือกที่ใช้ได้ทันที: 1) ระบุชัดว่าพาคุณถึงระดับพื้นฐานตาม CEFR (A1 หรือ A2), 2) แจ้งชั่วโมงเรียนรวมและงานบ้านที่ต้องทำ, 3) ครูมีคุณสมบัติด้านการสอนภาษาอังกฤษสำหรับผู้เรียนต่างชาติ (เช่น TESOL/TEFL), 4) มีการประเมินก่อน–ระหว่าง–หลังเรียน, 5) ออกใบรับรองจบหลักสูตร (Certificate of Completion) ที่มีรายละเอียดชัดเจน เช่น ชื่อหลักสูตร, ช่วงเวลา, จำนวนชั่วโมง, ผลประเมิน, ลายเซ็นผู้รับผิดชอบ

  • ผู้เริ่มต้นจริง (ศูนย์): เลือกหลักสูตรที่เน้นสื่อสารสถานการณ์จริง เช่น แนะนำตัว สั่งอาหาร ขอความช่วยเหลือ พร้อมคลังวลีใช้งานเร็ว
  • ผู้เริ่มต้นที่เคยเรียนมาบ้าง: เน้นทักษะที่ขาด เช่น ออกเสียงหรือโครงสร้างประโยค แล้วค่อยต่อยอดคำศัพท์เฉพาะงาน
  • ต้องใช้ใบรับรอง: ตรวจรูปแบบเอกสารและการยืนยัน (เช่น QR/หมายเลขใบรับรอง) เพื่อใช้อ้างอิงในแฟ้มผลงาน

เช็กลิสต์สั้นก่อนสมัคร

  1. มีการวัดระดับเบื้องต้น และมีเป้าหมายรายสัปดาห์ที่ชัดเจน
  2. แจ้งจำนวนชั่วโมงเรียนสด + ชั่วโมงฝึกด้วยตัวเอง (รวมเป็นชั่วโมงทั้งหมด)
  3. ครูผู้สอนแสดงคุณสมบัติ เช่น TESOL/TEFL/CELTA และประสบการณ์สอนผู้เริ่มต้น
  4. มีงานพูดจริงทุกสัปดาห์และฟีดแบ็กรายบุคคล
  5. รับใบรับรองจบหลักสูตร ระบุชั่วโมงและผลประเมินที่ตรวจสอบได้

ระดับเป้าหมายของผู้เริ่มต้น และชั่วโมงเรียนที่ควรเตรียม

สำหรับผู้เริ่มต้น เป้าหมายที่ทำได้จริงในระยะสั้นคือ A1 จนถึง A2 ซึ่งครอบคลุมทักษะพื้นฐานสำหรับชีวิตประจำวัน เช่น แนะนำตัว ถาม–ตอบง่าย ๆ ขอข้อมูล เดินทาง และทำงานเบื้องต้นในสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษ

  • A1 (เริ่มใช้งานได้): เข้าใจและใช้ข้อความง่าย ๆ, ถาม–ตอบข้อมูลส่วนตัว, โต้ตอบเมื่อผู้สนทนาพูดช้าและชัด
  • A2 (สื่อสารทั่วไปได้ดีขึ้น): เข้าใจวลีที่ใช้บ่อย, จัดการงานและงานบริการพื้นฐาน, เขียนข้อความสั้น ๆ

แนวทางวางแผนเวลา: ผู้เรียนส่วนใหญ่ต้องการชั่วโมงเรียนแบบมีครูแนะนำและชั่วโมงฝึกด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ จัดตารางเป็น 3–5 วันต่อสัปดาห์เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของทักษะ ฟัง–พูด–อ่าน–เขียน

ใบรับรองจบหลักสูตรที่ “มีน้ำหนัก” ควรเป็นอย่างไร

เมื่อจบหลักสูตร ผู้เรียนควรได้รับเอกสารระบุองค์ประกอบต่อไปนี้: ชื่อผู้เรียน, ชื่อหลักสูตรและรหัส, ระยะเวลาเรียน, จำนวนชั่วโมงรวม (เรียนสด + ฝึกเอง), ผลการประเมินรายทักษะ, ระดับเป้าหมาย (อ้างอิง CEFR ถ้ามี), ลายเซ็นและข้อมูลติดต่อของผู้รับผิดชอบ รวมถึง QR/หมายเลขอ้างอิงเพื่อการตรวจสอบ

สำหรับผู้ที่ต้องการใช้ผลเพื่อยื่นสมัครงานหรือศึกษาต่อ ควรเก็บบันทึกงานชิ้นสำคัญ เช่น คลิปพูด การอ่านออกเสียง และงานเขียนสุดท้ายแนบไว้เป็นแฟ้มผลงาน เพื่อเสริมความน่าเชื่อถือของใบรับรอง

หลักสูตรและรูปแบบการเรียนที่เหมาะกับผู้เริ่มต้น

แบบตัวต่อตัว

เหมาะกับผู้ต้องการแก้จุดอ่อนเร็ว มีแผนเฉพาะบุคคล ฝึกพูดมาก ได้ฟีดแบ็กละเอียด ค่าใช้จ่ายสูงกว่าแบบกลุ่ม แต่คุ้มสำหรับการเริ่มต้น

แบบกลุ่มเล็ก (4–8 คน)

ฝึกโต้ตอบจริง มีเพื่อนร่วมฝึกหลายสำเนียง ค่าใช้จ่ายอยู่ระดับกลาง ควรมีช่วงเวลาให้พูดคนละไม่น้อยในแต่ละคาบ

ออนไลน์ถ่ายทอดสด

ยืดหยุ่นและประหยัดเวลาเดินทาง เหมาะกับผู้เรียนที่ต้องการจังหวะการเรียนสม่ำเสมอ ควรเลือกแพลตฟอร์มที่บันทึกคาบเรียนให้ย้อนดูได้

เรียนด้วยตนเองแบบมีโค้ช

ใช้วิดีโอ/บทเรียนแบบเป็นขั้นตอน บวกโค้ชนัดทบทวน จุดเด่นคือคุ้มค่าและวัดผลเป็นระยะ ช่วยรักษาวินัยการฝึก

ตารางเปรียบเทียบคอร์ส/แพลตฟอร์มสำหรับผู้เริ่มต้นที่ออกใบรับรอง

หมายเหตุ: รายการด้านล่างคือผู้ให้บริการที่มีศูนย์หรือผู้เรียนใช้งานแพร่หลายในประเทศและ/หรือมีหลักสูตรสำหรับผู้เริ่มต้นพร้อมใบรับรองหลังจบ (ไม่ได้ใส่ลิงก์ไปยังผู้ให้บริการใด ๆ เพื่อเลี่ยงอคติ) ข้อมูลอาจปรับตามรอบโปรโมชัน

ผู้ให้บริการเหมาะกับผู้เริ่มต้นรูปแบบมีใบรับรองคุณสมบัติครูช่วงราคาโดยประมาณ (บาท/คอร์ส)จุดเด่นข้อควรพิจารณา
British Council (Thailand)สูงสดในศูนย์/สดออนไลน์/ผสมมี (ระบุชั่วโมงและผลประเมิน)ครูมีคุณวุฒิสอนต่างชาติ เช่น CELTA/DELTA15,000–35,000หลักสูตรตาม CEFR ชัดเจน ระบบประเมินต่อเนื่องงบประมาณค่อนข้างสูง
AUA Language Centerสูงสดในศูนย์/ออนไลน์มีครูผู้เชี่ยวชาญการสื่อสารแนวธรรมชาติ8,000–18,000บรรยากาศฝึกสนทนามาก เหมาะเริ่มจากศูนย์ชั้นเรียนอาจมีผู้เรียนหลายระดับ
Wall Street English (Thailand)กลาง–สูงผสม: บทเรียนด้วยตนเอง + โค้ช + คลาสสดมีโค้ชและครูผ่านการอบรมสอนผู้ใหญ่20,000–60,000ตารางยืดหยุ่น เน้นความต่อเนื่องราคาแตกต่างตามแพ็กเกจ
Globishสูงสดออนไลน์ตัวต่อตัว/กลุ่มเล็กมี (ดิจิทัล)ครูผ่านการคัดกรองและอบรมสื่อสาร6,000–20,000ยืดหยุ่นสูง ฝึกพูดบ่อยวินัยการจองเรียนสำคัญต่อผลลัพธ์
51Talkสูงสดออนไลน์ตัวต่อตัวมี (ดิจิทัล)ครูต่างชาติ เน้นการสื่อสารแพ็กเกจต่างๆ มีราคาแตกต่างกัน มีทดลองใช้ฟรีคุ้มค่า เหมาะฝึกพูดถี่ ๆคุณภาพคาบเรียนขึ้นกับการเลือกครูและเวลา
Chulalongkorn University Language Institute (CULI)สูงสดในศูนย์/ออนไลน์มี (ระบุชั่วโมง)คณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ9,000–25,000มาตรฐานสถาบันอุดมศึกษารอบเปิดคอร์สตามภาคการศึกษา

แผน 12 สัปดาห์สำหรับผู้เริ่มต้น (ตัวอย่างปรับใช้ได้ทันที)

สัปดาห์ 1–4: ปูพื้นฐานเสียงและวลีรอดชีวิต

  • ออกเสียง: สระ/พยัญชนะยาก, การเน้นพยางค์, จังหวะประโยค
  • โครงสร้าง: be, มี/เป็น/อยู่, คำถามพื้นฐาน, คำสรรพนาม
  • ศัพท์สถานการณ์: แนะนำตัว, ที่ทำงาน, การเดินทาง, ร้านอาหาร
  • งานพูด: คลิป 60–90 วินาที แนะนำตัวเองและงานประจำวัน

สัปดาห์ 5–8: ขยายบทสนทนาและการอ่านสั้น

  • โครงสร้าง: ปัจจุบัน/อดีตง่าย, there is/are, คำบอกปริมาณ
  • ทักษะอ่าน: ประโยคข่าว/ประกาศ, เมนู, ตารางเวลา
  • งานพูด: ขอข้อมูล, บอกทาง, อธิบายปัญหาสั้น ๆ
  • งานเขียน: อีเมล/ข้อความ 60–80 คำ

สัปดาห์ 9–12: รวมทักษะและประเมินผล

  • โครงสร้าง: อนาคตใกล้, คำกริยาโมดัล (can, must, should)
  • โปรเจ็กต์สั้น: บทสนทนาจำลองในที่ทำงาน 3–4 นาที
  • การประเมิน: สอบพูด + เขียน + ฟัง + อ่าน พร้อมรูบริกชัดเจน
  • ออกใบรับรอง: ระบุชั่วโมงรวมและผลประเมินรายทักษะ

งบประมาณ เวลา และผลลัพธ์ที่คาดหวัง

  • งบประมาณเริ่มต้น: 3,000–35,000 บาทต่อคอร์ส ขึ้นกับรูปแบบ (ตัวต่อตัว/กลุ่ม/ผสม) และจำนวนชั่วโมง
  • เวลา: วางแผน 3–5 วัน/สัปดาห์ (ครั้งละ 45–90 นาที) บวกเวลาทบทวน 15–30 นาทีต่อวัน
  • ผลลัพธ์ทั่วไป: หากทำตามแผนอย่างต่อเนื่อง ผู้เริ่มต้นส่วนใหญ่จะสื่อสารสถานการณ์พื้นฐานได้อย่างมั่นใจมากขึ้นภายใน 12 สัปดาห์ และพร้อมต่อยอดสู่ระดับ A2

วิธีตรวจสอบคุณภาพครูและสถาบัน

  • ดูคุณสมบัติครู: TESOL/TEFL/CELTA และผลงานสอนผู้เริ่มต้น
  • ขอดูแผนการสอน, รูบริกประเมิน, และตัวอย่างฟีดแบ็กจริง
  • ทดสอบคอร์สทดลอง 1–2 ครั้ง เพื่อประเมินเคมีการสอนและจังหวะ
  • สอบถามรูปแบบใบรับรอง และวิธีตรวจสอบความถูกต้อง

กรณีศึกษาและผลลัพธ์จริง

กรณีที่ 1: เริ่มจากศูนย์ สู่ออกเสียงชัดใน 10 สัปดาห์

ผู้เรียนทำงานฝ่ายบริการ เริ่มจากศูนย์ สัปดาห์ละ 4 ครั้ง ครั้งละ 60 นาที + ทบทวน 20 นาที/วัน โฟกัสการออกเสียงและวลีสำคัญ ผลลัพธ์: บันทึกเสียงสัปดาห์ที่ 10 ความชัดเจนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อ่านประกาศสั้น ๆ ได้คล่องขึ้น ทำงานพูดปิดคอร์ส 3 นาทีผ่านเกณฑ์

กรณีที่ 2: จากสะกดช้าสู่โต้ตอบคล่อง (A2) ใน 14 สัปดาห์

ผู้เรียนเคยเรียนมาบ้าง กระจายเวลา 5 วัน/สัปดาห์ เน้นบทสนทนาในที่ทำงานและการเขียนอีเมลสั้น ๆ ผลลัพธ์: ประเมินท้ายคอร์สแสดงความสามารถเข้าใจประกาศ, จองบริการ, และตอบกลับอีเมลตรงประเด็น ได้ใบรับรองระบุชั่วโมงและระดับเป้าหมาย A2

กรณีที่ 3: เตรียมตัววัดระดับภายในองค์กร

ใช้แผน 8 สัปดาห์แบบเข้ม สลับคลาสตัวต่อตัวและภารกิจจริง ผลลัพธ์: คะแนนประเมินภายในเพิ่มจากระดับพื้นฐานต่ำเป็นพื้นฐานสูง พร้อมรายงานความก้าวหน้ารายทักษะแนบในใบรับรองจบหลักสูตร

ตัวอย่างรูบริกประเมินผู้เริ่มต้น (ใช้แนบในใบรับรอง)

ทักษะตัวชี้วัดระดับผ่านเกณฑ์หลักฐาน
พูดแนะนำตัว ขอข้อมูล สั่งอาหาร ในสถานการณ์จำลองสื่อสารครบสาระ สำเนียงเข้าใจได้วิดีโอพูด 2–3 นาที
ฟังจับใจความประกาศ/บทสนทนาสั้น ๆตอบคำถามได้ถูกต้อง ≥ 70%แบบทดสอบฟัง
อ่านอ่านข้อความทั่วไป เมนู ตารางเวลาทำภารกิจอ่านผ่าน ≥ 70%ข้อสอบอ่าน
เขียนเขียนข้อความ/อีเมล 60–100 คำสื่อสารตรงประเด็น ใช้โครงสร้างพื้นฐานถูกต้องงานเขียนสุดท้าย

เครื่องมือและแหล่งฝึกเสริมที่ใช้ได้ฟรี

  • พจนานุกรมออนไลน์ + เสียงเจ้าของภาษา
  • แอปบันทึกเสียงตนเอง เปรียบเทียบสัปดาห์ต่อสัปดาห์
  • วิดีโอสั้นหัวข้อชีวิตประจำวัน ฝึกฟังตามแล้วเลียนเสียง
  • แบบฝึกอ่านป้าย/ประกาศภาษาอังกฤษ

ขั้นตอนเลือกและสมัครคอร์สให้เหมาะกับชีวิตการทำงาน

  1. กำหนดเป้าหมายชัดเจน: ต้องการสื่อสารงานประจำวัน/เตรียมสอบ/ปรับพื้นฐาน
  2. เลือกตาราง: สัปดาห์ละกี่ครั้ง, เรียนสด/ออนไลน์, ต้องการตัวต่อตัวหรือไม่
  3. เช็คเอกสารหลังจบ: ใบรับรองมีรายละเอียดชั่วโมงและผลประเมินหรือไม่
  4. ทดลองเรียน 1 ครั้ง แล้วตัดสินใจภายใน 48 ชั่วโมง
  5. ล็อกเวลาในปฏิทินและตั้งตัวเตือนเพื่อให้เรียนต่อเนื่อง

ประมาณการค่าใช้จ่ายตามรูปแบบยอดนิยม

  • ออนไลน์ตัวต่อตัว (8–20 คาบ): 3,000–12,000 บาท
  • กลุ่มเล็ก (20–40 ชั่วโมง): 6,000–20,000 บาท
  • ผสมผสาน/ศูนย์ภาษา (30–60 ชั่วโมง): 15,000–60,000 บาท

เอกสารประกอบการยื่นงานหรือเรียนต่อ (ทำเช็กลิสต์ไว้พร้อมเลย)

  • ใบรับรองจบหลักสูตร ระบุชั่วโมงรวมและผลประเมิน
  • แฟ้มผลงาน: คลิปพูด, งานเขียน, ใบงานอ่าน/ฟัง
  • จดหมายรับรองจากครู/ผู้สอน (ถ้าต้องการ)

ผู้เรียบเรียงและประสบการณ์สอนผู้เริ่มต้น

ผู้เรียบเรียงมีประสบการณ์สอนภาษาอังกฤษสำหรับผู้ที่เริ่มจากศูนย์มากกว่า 10 ปี เน้นแนวทาง “ฝึกสั้นแต่ถี่” และงานสื่อสารจริงทุกสัปดาห์ เคยออกแบบหลักสูตรเร่งรัดสำหรับผู้ทำงานที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษทันที โดยยึดหลักการประเมินรายทักษะและออกใบรับรองที่ตรวจสอบได้

คำถามที่พบบ่อย

ต้องเรียนกี่ชั่วโมงถึงจะสื่อสารพื้นฐานได้

โดยทั่วไป ผู้เริ่มต้นควรวางแผนทั้งชั่วโมงเรียนสดและชั่วโมงฝึกด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสัปดาห์ เพื่อให้เกิดการใช้งานจริงและความมั่นใจ

ใบรับรองจบหลักสูตรต่างจากผลสอบอย่างไร

ใบรับรองจบหลักสูตรยืนยันว่าผ่านกิจกรรมและการประเมินของคอร์ส ส่วนผลสอบมาตรฐานยืนยันความสามารถตามเกณฑ์การทดสอบสากล ทั้งสองอย่างใช้ร่วมกันเพื่อแสดงทักษะได้ชัดเจนขึ้น

ควรเลือกตัวต่อตัวหรือกลุ่มเล็ก

ถ้าอยากเห็นพัฒนารวดเร็วและแก้จุดอ่อนเฉพาะตัว ตัวต่อตัวจะเหมาะที่สุด แต่ถ้าอยากฝึกโต้ตอบหลายสำเนียงและประหยัดงบ กลุ่มเล็กคือทางเลือกที่ดี

ครูควรมีคุณสมบัติอะไร

มองหาครูที่มีคุณสมบัติด้านการสอนภาษาอังกฤษสำหรับผู้เรียนต่างชาติ เช่น TESOL/TEFL/CELTA และมีประสบการณ์สอนผู้เริ่มต้น

ถ้าไม่มีพื้นฐานเลย เริ่มจากอะไรดี

เริ่มจากเสียงและวลีรอดชีวิต (survival phrases) เช่น แนะนำตัว ขอความช่วยเหลือ และฝึกพูดสั้นทุกวัน ควบคู่คำศัพท์ภาพรวมของงานที่ทำ

ข้อชี้แจง

ข้อมูลราคา/ชั่วโมงเรียนเป็นช่วงประมาณการ ควรตรวจสอบรายละเอียดล่าสุดกับผู้ให้บริการก่อนสมัคร เอกสารอ้างอิงด้านมาตรฐานภาษาและข้อแนะนำวิชาชีพมาจากองค์กรที่เชื่อถือได้ และระบุไว้ในตอนท้ายบทความ

แหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ

  1. CEFR ระดับความสามารถทางภาษา (Council of Europe)
  2. แนวทางชั่วโมงเรียนแนะนำต่อระดับ (Cambridge English)
  3. การแมปคะแนน TOEIC กับ CEFR (ETS)
  4. เอกสารหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กระทรวงศึกษาธิการ)
  5. แนวทางคุณสมบัติผู้สอน TESOL (TESOL International Association)

Related Post

รับฟรี! คลาสเรียนภาษาอังกฤษมูลค่า 1,500 บาท

This field is required.
ฟิลด์นี้จำเป็นต้องระบุ.
Về tôi

51Talk แพลตฟอร์มเรียนภาษาอังกฤษที่คุณพ่อคุณแม่ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลกให้ความไว้วางใจ เรียนผ่านแอปออนไลน์กับครูชาวต่างชาติแบบตัวต่อตัว

scroll-top