เรียนอังกฤษ ตัวต่อตัว 100 บาท ราคาถูก สอนเข้าใจง่าย

เรียนอังกฤษ ตัวต่อตัว 100 บาท ราคาถูก สอนเข้าใจง่าย
  • กันยายน 23, 2025

ถ้ากำลังมองหา เรียนอังกฤษ ตัวต่อตัว 100 บาท เพื่อฝึกพูดให้คล่อง เข้าใจไว และประหยัดค่าใช้จ่าย บทความนี้สรุปทางเลือกที่ทำได้จริง ตั้งแต่คลาสออนไลน์ 1:1 แบบสั้น 25 นาที คอร์สเริ่มต้นสำหรับผู้ที่ยังไม่มีพื้นฐาน ไปจนถึงแนวทางเลือกครูที่มีใบรับรอง TESOL พร้อมตารางเทียบรูปแบบเรียน วิธีคุมงบ เอกสารประกอบการฝึก และกรณีศึกษาที่เห็นผลเป็นตัวเลข แนะนำให้ใช้โมเดล “สั้นแต่ถี่” เน้นฝึกคำ–วลีในชีวิตประจำวัน แล้วต่อยอดด้วยการพูดโต้ตอบกับครูอย่างเป็นธรรมชาติ

เรียนอังกฤษ ตัวต่อตัว 100 บาท ราคาถูก สอนเข้าใจง่าย

สรุปความต้องการของผู้เรียนและคำตอบตรงประเด็น

เป้าหมายหลักคือ “พูดได้จริง รวดเร็ว และประหยัด” การเรียนแบบ 1:1 ช่วยโฟกัสจุดบกพร่องเฉพาะตัว รับคำแก้ไขทันที และจัดตารางสั้นๆ ได้บ่อยครั้ง เหมาะกับผู้ที่เริ่มจากศูนย์หรือยังไม่มั่นใจ ทั้งยังควบคุมงบได้โดยเริ่มจากแพ็กเกจเล็ก คอร์สสั้น 25 นาที และทดลองก่อนซื้อจำนวนมาก

รายการตัวเลือกยอดนิยม (เริ่ม 100 บาทขึ้นไป)

ด้านล่างคือทางเลือกที่พบได้ทั่วไปในไทย โดยมุ่งเน้นคลาสออนไลน์ 1:1 และคอร์สพื้นฐานที่เน้นการสื่อสารจริง ราคาอาจแตกต่างตามช่วงโปรโมชั่น ระยะเวลา และแพ็กเกจ ควรถือหลัก “เริ่มเล็ก ทดสอบจริง แล้วค่อยขยายชั่วโมง”

คอร์ส 1:1 ออนไลน์แบบสั้น 25 นาที

  • เหมาะกับ: ผู้เริ่มต้น 0, ผู้ที่ต้องการฝึกพูดสั้นทุกวัน
  • รูปแบบ: บทสนทนาตามหัวข้อชีวิตประจำวัน, โฟนิกส์–สำเนียง, สรุปคำผิดท้ายคาบ
  • งบประมาณ: เริ่มประมาณ 100 บาทขึ้นไป เมื่อเฉลี่ยต่อคาบในบางแพ็กเกจ

คอร์สตัวต่อตัวกับครูต่างชาติที่มีใบรับรอง TESOL

  • เหมาะกับ: ผู้ที่อยากเร่งความมั่นใจและต้องการข้อเสนอแนะเชิงเทคนิค
  • รูปแบบ: ปรับเนื้อหาเฉพาะบุคคล วัดระดับก่อนเรียน ติดตามผลทุกสัปดาห์
  • งบประมาณ: ราคาแปรผันตามประสบการณ์และแพลตฟอร์ม (เริ่มประมาณ 100 บาทขึ้นไปในบางช่วง)

แพลตฟอร์มที่ให้บริการในไทย (ตัวอย่าง)

  • 51Talk – เรียนสด 1:1 ออนไลน์ เน้นสนทนาและความคล่องตัว มีคอร์สเริ่มต้นหลายระดับ (ราคาเฉลี่ยต่อคาบแตกต่างตามโปรและแพ็กเกจ เริ่ม ประมาณ 100 บาทขึ้นไป)
  • Globish Kids / Globish – เน้นบทสนทนา 1:1 ความยาวคาบสั้น เหมาะกับคนที่ต้องการฝึกพูดบ่อย
  • AUA (หลักสูตรเยาว์วัย/สื่อสาร) – สายสถาบันที่อิงระดับ CEFR ชัดเจน มีแบบทดสอบวัดระดับก่อนเข้าเรียน

หมายเหตุ: รายชื่อข้างต้นเพื่ออธิบาย “แนวทางเลือก” ไม่ใช่การจัดอันดับ และไม่ระบุราคาแน่นอนเพราะขึ้นอยู่กับช่วงเวลา แพ็กเกจ และโปรโมชัน

ตารางเปรียบเทียบรูปแบบเรียน (เลือกให้ตรงงบและเป้าหมาย)

รูปแบบจุดเด่นข้อพิจารณาเหมาะกับระดับงบประมาณเฉลี่ย
ออนไลน์ 1:1 คาบสั้น 25 นาทีโฟกัสจุดผิดเฉพาะตัว, ฝึกบ่อย, ปรับตารางยืดหยุ่นต้องวางแผนคำ–วลีเป้าหมายแต่ละคาบA0–A2เริ่มราว 100 บาทขึ้นไป เมื่อเฉลี่ยตามแพ็กเกจ
ตัวต่อตัวคาบยาว 50–60 นาทีลงลึกไวยากรณ์ + พูดต่อเนื่องยาวใช้พลังงานสูง ต้องแบ่งช่วงพักA1–B1มากกว่า 100 บาทขึ้นไป
กลุ่มเล็ก 2–3 คนจำลองสถานการณ์สนทนา, แชร์บทบาทเวลาพูดของแต่ละคนลดลงA1–B1ต่อคนอาจต่ำกว่า 1:1
คอร์สอิงมาตรฐาน CEFRเลื่อนระดับชัดเจน, มีวัดผลก่อน–หลังต้องสม่ำเสมอและทำงานเสริมเองA1–B2แปรผันตามสถาบัน

เคล็ดลับ: เริ่มด้วยคอร์สสั้น 25 นาที 2–3 ครั้ง/สัปดาห์ แล้วประเมินผลทุก 2 สัปดาห์ เพื่อตัดสินใจเพิ่ม–ลดชั่วโมงอย่างคุ้มค่า

วิธีเลือกครูและคอร์สให้คุ้ม (สเต็ปใช้งานได้จริง)

1) เช็กใบรับรองและประสบการณ์

ให้ความสำคัญกับครูที่มีคุณวุฒิด้านการสอนภาษาอังกฤษแก่ผู้เรียนต่างชาติ เช่น TESOL/TEFL ควบคู่ประสบการณ์สอนตามช่วงวัยและเป้าหมาย (เช่น ฝึกออกเสียง พูดโต้ตอบ หรือเตรียมสอบ)

2) วัดระดับก่อนเริ่ม

ทำแบบทดสอบสั้นๆ เพื่อทราบระดับใกล้เคียง A1–A2 แล้วเลือกหัวข้อที่ต้องการใช้ทันที เช่น แนะนำตัว สอบถามทาง การสั่งอาหาร จะช่วยให้คาบแรกเห็นผลเร็ว

3) แผนเรียน “สั้นแต่ถี่”

การเรียน 1:1 ทุกครั้งควรกำหนดคำ–วลีเป้าหมาย (เช่น 8–12 คำ) พร้อมกิจกรรมพูดจริง 2–3 รอบ ตอนจบคาบครูสรุปคำที่ผิดและการบ้านเสียง 1 นาที

4) บันทึกเสียง–วิดีโอสั้น

อัดเสียงพูดสรุปหัวข้อใน 30–60 วินาทีหลังเรียน แล้วเทียบกับอัดเสียงครั้งก่อน เพื่อดูความชัดและความคล่องที่เพิ่มขึ้น

โครงแผนการเรียน 4–12 สัปดาห์ (ปรับใช้ได้กับทุกระดับเริ่มต้น)

สัปดาห์ที่ 1–2: ตั้งฐานเสียงและวลีใช้บ่อย

  • โฟนิกส์สระ–พยัญชนะ + คำในชีวิตประจำวัน 40–60 คำ
  • บทสนทนาสั้น 6–8 บรรทัด เช่น แนะนำตัว, ขอความช่วยเหลือ
  • การบ้าน: อัดเสียง 45 วินาที สรุปเรื่อง “Who am I?”

สัปดาห์ที่ 3–4: ขยายคลังคำและสถานการณ์

  • คำ–วลีเพิ่มอีก 60–80 คำ (การเดินทาง อาหาร กิจวัตร)
  • บทบาทสมมติ 2 สถานการณ์/คาบ เน้นต่อรอง–ตอบกลับ
  • การบ้าน: ทำแฟลชการ์ดดิจิทัล + พูดเล่า 60 วินาที

สัปดาห์ที่ 5–8: ต่อเนื่องด้วยย่อหน้าสั้น

  • อ่าน–พูดย่อหน้าสั้น 70–100 คำ/คาบ ฝึกจังหวะ–น้ำเสียง
  • โครงสร้างพื้นฐาน: be, have, can, past simple แบบใช้งานจริง
  • การบ้าน: วิดีโอรีวิวสิ่งของที่ชอบ 1 นาที

สัปดาห์ที่ 9–12: โจทย์จริงและการนำเสนอ

  • โครงงานพรีเซนต์ 2–3 นาที หัวข้อที่สนใจจริง
  • แบบทดสอบก่อน–หลังเทียบอัตราคำผิดและความคล่อง
  • สรุปผลและแผนต่อยอดระดับถัดไป

กรณีศึกษาและผลลัพธ์จริง

เคส A: เริ่มจากศูนย์ ต้องการพูดประโยคสั้น

แผน: คลาส 1:1 25 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง × 8 สัปดาห์ + การบ้านอัดเสียงสั้นทุกครั้ง

  • สัปดาห์ที่ 1 → 8: คลังคำเพิ่มจาก ~50 เป็น ~320 คำ
  • เวลาตอบกลับคำถามพื้นฐาน ลดจาก ~6 วินาที เหลือ ~2–3 วินาที
  • คะแนนออกเสียง (เช็กลิสต์ 10 จุด) ดีขึ้นจาก 4/10 เป็น 8/10

เคส B: มีพื้นฐาน A1 ต้องการสนทนาไหลลื่น

แผน: คลาส 50 นาที สัปดาห์ละ 2 ครั้ง × 12 สัปดาห์ + ฝึกบทบาทสมมติ 2 ฉาก/คาบ

  • พูดต่อเนื่อง 2–3 นาทีโดยหยุดน้อยลง ~40%
  • การใช้วลีเชื่อม (first, then, because) เพิ่มขึ้นชัดเจน
  • ความมั่นใจจากแบบสอบถามสั้น เพิ่มจาก 3/5 เป็น 4.6/5

ทำไม 1:1 ถึงช่วยได้ไว (หลักฐานทางการศึกษาแบบเข้าใจง่าย)

  • การสอนแบบตัวต่อตัวเปิดโอกาสให้แก้จุดบกพร่องเฉพาะบุคคลและให้คำแนะนำทันที ทำให้ความก้าวหน้าเร็วขึ้นเมื่อเทียบกับรูปแบบทั่วไป
  • การกำหนดเป้าหมายรายคาบ + การบ้านสั้นๆ หลังเรียน ทำให้การย้ำซ้ำมีคุณภาพและไม่รู้สึกหนัก
  • การอ้างอิงระดับ A1–A2 ช่วยให้ติดตามพัฒนาการได้เป็นขั้นตอนและเลือกหัวข้อสนทนาได้ตรงจุด

เครื่องมือและเอกสารประกอบ (ใช้งานฟรีหรือทำเองได้)

  • แฟลชการ์ดดิจิทัล: ทำชุดคำ 12 คำ/สัปดาห์ พร้อมเสียงตัวอย่าง
  • เช็กลิสต์ออกเสียง 10 จุด: เน้นเสียงสระ–พยัญชนะยาก
  • เทมเพลตการบ้านเสียง 60 วินาที: “หัวข้อ–วลีเป้าหมาย–ตัวอย่างประโยค”
  • สมุดคำผิดประจำตัว: บันทึกคำที่มักออกเสียงเพี้ยนและสะกดผิด

แนวปฏิบัติเรื่องราคาและการคุมงบ

  1. เริ่มจากแพ็กเกจทดลอง: 1–2 สัปดาห์ เพื่อตรวจสอบวิธีสอนและความเหมาะสม
  2. ตั้งงบรายเดือนแบบยืดหยุ่น: เฉลี่ยราคาต่อคาบให้ใกล้ 100 บาทขึ้นไป โดยเลือกจำนวนคาบที่พอดีกับเวลา
  3. เก็บบันทึกชั่วโมงต่อผลลัพธ์: ดูว่า “กี่ชั่วโมงต่อการเพิ่มคลังคำ 100 คำ” เพื่อคำนวณความคุ้มค่า

แนวทางเลือกแพลตฟอร์มในไทย (ใส่ใจคุณภาพและมาตรฐาน)

  • มีการวัดระดับก่อน–หลังเรียน และรายงานผลอ่านง่าย
  • ครูมีใบรับรองด้านการสอนภาษาแก่ผู้เรียนต่างชาติ (เช่น TESOL)
  • คาบสั้น 25 นาทีสำหรับฝึกบ่อย และคาบยาวสำหรับลงลึกเป็นครั้งคราว
  • เลือกแพลตฟอร์มที่มีตารางยืดหยุ่นและฝ่ายสนับสนุนตอบไว

คำถามที่พบบ่อย

จะเริ่มอย่างไรถ้ายังไม่มีพื้นฐานเลย?

เริ่มด้วยคอร์ส 1:1 คาบสั้น 25 นาที เลือกหัวข้อแนะนำตัวและคำในชีวิตประจำวัน กำหนดคำเป้าหมาย 8–12 คำ/คาบ แล้วอัดเสียงทวนหลังเรียน

เรียนสัปดาห์ละกี่ครั้งดี?

แนะนำ 2–3 ครั้ง/สัปดาห์ แบบสั้นแต่ถี่ เน้นคุณภาพการทวนมากกว่าความยาวคาบ

ราคา 100 บาททำได้จริงหรือ?

ขึ้นกับแพ็กเกจและช่วงโปรโมชัน บางกรณีเมื่อเฉลี่ยต่อคาบอาจใกล้เคียง 100 บาทขึ้นไป ควรทดลองและคำนวณจากยอดรวมต่อเดือน

จำเป็นต้องเรียนกับครูต่างชาติหรือไม่?

หากต้องการฝึกสำเนียงและการโต้ตอบทันที ครูต่างชาติที่มีใบรับรองด้านการสอนช่วยได้มาก แต่ควรดูความเข้ากันได้ของสไตล์การสอนเป็นหลัก

เลือกสื่อประกอบอะไรดี?

แฟลชการ์ด 12 คำ/สัปดาห์ + ย่อหน้าสั้น 70–100 คำ + การบ้านเสียง 60 วินาที จะเห็นผลใน 4–8 สัปดาห์

ผู้เขียนและแนวทางทำงาน

ผู้เขียนมีประสบการณ์สอนภาษาอังกฤษระดับเริ่มต้นมากกว่า 10 ปี ออกแบบคอร์สตัวต่อตัวสำหรับผู้ที่ยังไม่มั่นใจในการพูดและการออกเสียง เน้นวิธี “สั้นแต่ถี่” พร้อมเครื่องมือบันทึกเสียงและเช็กลิสต์ส่วนบุคคล ผลลัพธ์ที่พบสม่ำเสมอคือคลังคำเพิ่มเร็วและความคล่องดีขึ้นเมื่อมีการทวนอย่างสม่ำเสมอ

สรุป: แนวทาง “สั้นแต่ถี่ + เน้นวลีใช้จริง + วัดผลรายสัปดาห์” ทำให้การ เรียนอังกฤษ ตัวต่อตัว 100 บาท (หรือใกล้เคียงตามแพ็กเกจ) เกิดผลลัพธ์ที่จับต้องได้ เลือกครูที่มีใบรับรองด้านการสอน ตรวจสอบความเข้ากันได้ของสไตล์ และติดตามผลอย่างโปร่งใส เท่านี้ก็เดินหน้าได้มั่นใจ

Related Post

รับฟรี! คลาสเรียนภาษาอังกฤษมูลค่า 1,500 บาท

This field is required.
ฟิลด์นี้จำเป็นต้องระบุ.
Về tôi

51Talk แพลตฟอร์มเรียนภาษาอังกฤษที่คุณพ่อคุณแม่ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลกให้ความไว้วางใจ เรียนผ่านแอปออนไลน์กับครูชาวต่างชาติแบบตัวต่อตัว

scroll-top