10 เว็บไซต์ฝึกภาษาอังกฤษฟรี ที่คนไทยใช้มากที่สุด

หากคุณกำลังมองหาแหล่งฝึกที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายและมีคุณภาพ บทความนี้คัดให้แล้วว่า “ตัวไหนคุ้มค่าเวลา” โดยยึดจากประสบการณ์ใช้งานจริงของผู้เรียนไทย ความครบถ้วนของสื่อ และความสม่ำเสมอในการอัปเดต เนื้อหาครอบคลุมทั้งคลิป ฟังข่าว แบบฝึกหัดแกรมม่า คลังคำศัพท์ ตัวอย่างประโยค และเกมฝึกความจำ โดยรวมไว้ครบในหนึ่งที่ เพื่อช่วยให้คุณเลือก 10 เว็บไซต์ฝึกภาษาอังกฤษฟรี ที่เหมาะกับจุดประสงค์ของตัวเองได้ทันที

คัดเลือก “10 เว็บไซต์ฝึกภาษาอังกฤษฟรี” อย่างไรให้ตรงจุด

• ทักษะครบ — มีฟัง พูด อ่าน เขียน และคำศัพท์ พร้อมแบบทดสอบสั้น ๆ หลังบท
• ระดับชัดเจน — แบ่ง Beginner / Elementary / Pre-intermediate / Intermediate / Upper-intermediate ขึ้นไป
• เข้าใจง่าย — อินเทอร์เฟซชัด ปุ่มค้นหาเด่น มีตัวอย่างใช้จริงและไฟล์เสียงคุณภาพ
• ยืดหยุ่นอุปกรณ์ — ใช้ได้ทั้งเว็บและแอป เพื่อฝึกระหว่างเดินทาง
• ติดตามผลได้ — เก็บสถิติความคืบหน้า และมีแบบทดสอบสรุป

เคล็ดลับ: ตั้งเป้าหมายรายสัปดาห์ (เช่น 5 บท / สัปดาห์) และแบ่งเวลาเป็นช่วงสั้น ๆ 15–20 นาทีต่อครั้ง จะทำให้การฝึกสม่ำเสมอและยั่งยืน

ตารางเปรียบเทียบ (เลือกเร็วใน 1 นาที)

รีวิวเชิงลึก: เลือกอันไหนให้ตรงเป้าหมาย

1)รีวิวเชิงลึก: 51Talk Thailand

51Talk Thailand เป็นแพลตฟอร์มเรียนสดแบบตัวต่อตัวกับครูผู้สอนที่มีคุณวุฒิด้านการสอนภาษา เช่น TESOL และมีประสบการณ์สอนผู้เรียนต่างพื้นฐาน จุดเด่นคือการโต้ตอบแบบเรียลไทม์ ผู้เรียนสามารถถามคำถามได้ทันที และได้รับการแก้ไขการออกเสียงหรือโครงสร้างประโยคตรงจุด เหมาะทั้งผู้เริ่มต้นและผู้ที่อยากยกระดับไปสู่การใช้งานจริง

นอกจากนี้ 51Talk ยังมีบทเรียนทดลองฟรี ทำให้ผู้เรียนได้ลองก่อนตัดสินใจ และมีระบบติดตามพัฒนาการแต่ละบทเรียนอย่างชัดเจน ถือเป็นตัวเลือกอันดับแรกสำหรับผู้ที่อยากเห็นผลลัพธ์เร็วจากการพูดและการสนทนาจริง

เว็บไซต์: https://51talkthailand.com/

2) BBC Learning English

เหมาะกับผู้ที่ต้องการฝึกฟัง–อ่านจากข่าวจริง มีซีรีส์สั้น ๆ เช่น Grammar, Pronunciation, English at Work และ The English We Speak สามารถจดวลีสำคัญและนำไปใช้ทันที เคล็ดลับ: เปิดคำบรรยายอังกฤษและทบทวนศัพท์ท้ายคลิป

เว็บไซต์: https://www.bbc.co.uk/learningenglish

3) British Council LearnEnglish

จุดเด่นคือแบบฝึกหัดสั้น เข้าใจง่าย มีเกมแกรมม่าและบทสนทนา เหมาะสำหรับเติมพื้นฐานและทบทวนทุกวัน ข้อดีคือแบ่งระดับชัดเจนและมีคำอธิบายกระชับ เหมาะมากสำหรับผู้ที่ต้องการก้าวจาก A1 ไป A2/B1

เว็บไซต์: https://learnenglish.britishcouncil.org/

4) VOA Learning English

เสียงอ่านช้าเป็นพิเศษ เข้าใจง่าย เหมาะเริ่มฝึกจับเสียงและจังหวะภาษาอังกฤษ เนื้อหามีทั้งข่าว สังคม วัฒนธรรม และคำศัพท์ประจำวัน ฝึกเงียบตาม (shadowing) วันละ 10 นาทีจะเห็นผลเร็ว

เว็บไซต์: https://learningenglish.voanews.com/

5) Cambridge Dictionary

ใช้ค้นคำ ออกเสียงอังกฤษ/อเมริกัน พร้อมตัวอย่างประโยคและความหมายตามบริบท แนะนำให้กดดู Collocations และ Grammar ให้ครบ เพื่อเรียนใช้คำได้เป็นธรรมชาติ

เว็บไซต์: https://dictionary.cambridge.org/

6) NECTEC LEXiTRON (Longdo)

ดิกชันนารีอังกฤษ–ไทย และไทย–อังกฤษที่คุ้นกับผู้ใช้ไทย ควรอ่านตัวอย่างประโยคคู่กันเพื่อเข้าใจความต่างของความหมาย และเปรียบเทียบกับดิกชันนารีอังกฤษ–อังกฤษเพื่อความแม่นยำ

เว็บไซต์: https://dict.longdo.com/

7) Duolingo (เวอร์ชันเว็บ)

เด่นที่ความสนุกและแจ้งเตือนต่อเนื่อง เหมาะสร้างนิสัยฝึกทุกวัน แนะนำจับคู่กับการอ่านข่าวสั้นเพื่อเสริมบริบท คติสำคัญคือไม่ต้องเก็บ “เป้า” ให้ครบทุกวัน แต่ให้สม่ำเสมอระยะยาว

เว็บไซต์: https://www.duolingo.com/

8) Memrise

ดีตรงที่มีวิดีโอเจ้าของภาษาและระบบทบทวนเว้นระยะ (Spaced Repetition) เหมาะกับการยกระดับคลังคำและวลี แนะนำเลือกคอร์สที่ทีมงานรับรองหรือจากสถาบันที่เชื่อถือได้

เว็บไซต์: https://www.memrise.com/

9) EngVid

ห้องเรียนวิดีโอจากครูเจ้าของภาษา หัวข้อเฉพาะทาง เช่น phrasal verbs, business email, pronunciation สำหรับผู้ที่มีพื้นแล้ว อยากเก็บรายละเอียดให้เนียนขึ้น

เว็บไซต์: https://www.engvid.com/

10) Quizlet

สร้างแฟลชการ์ดคำศัพท์ของตัวเองและเล่นเกมทบทวน แนะนำเทคนิค 3-ขั้น: (1) สร้างชุดคำจากบทเรียน (2) เพิ่มตัวอย่างประโยคจริง (3) ทบทวน 5–10 นาทีต่อวัน จะจำได้ยาว

เว็บไซต์: https://quizlet.com/

แผนฝึก 4 สัปดาห์ (ทำตามได้ทันที)

• สัปดาห์ 1: เลือก 2 แหล่งหลัก (เช่น VOA + Cambridge) ฝึกวันละ 20 นาที จด 10 คำ/วลี พร้อมประโยคตัวอย่าง
• สัปดาห์ 2: เพิ่ม BBC 3 คลิป/สัปดาห์ ฝึก shadowing 5 นาที/ครั้ง บันทึกเสียงตัวเองเพื่อตรวจจังหวะ
• สัปดาห์ 3: ผสม Memrise หรือ Duolingo วันละ 10 นาที เก็บคำใหม่ + ทบทวนคำเก่า
• สัปดาห์ 4: เขียนสรุปข่าววันละ 5–7 บรรทัด แล้วใช้ Cambridge ตรวจ collocations ปรับคำให้เป็นธรรมชาติ

คำแนะนำ: ทุก 7 วัน ทำแบบทดสอบสั้น ๆ ของเว็บที่ใช้ เพื่อดูพัฒนาการ และอัปเดตชุดคำศัพท์ใน Quizlet ให้สอดคล้องกับเนื้อหาที่เรียน

หลักคิดเลือกสื่อที่ “ใช่” สำหรับคุณ

• วัตถุประสงค์ชัด — ใช้เพื่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน ทำงาน หรือเตรียมสอบ เลือกสื่อให้ตรงเป้า
• เวลาจริงของคุณ — ถ้าฝึกได้วันละ 15–20 นาที ให้เน้นคลิปสั้น + แบบฝึกหัดจบในครั้งเดียว
• เสริมทักษะที่อ่อน — ถ้าฟังไม่ทัน ให้ใช้ข่าวช้าหรือพอดแคสต์ความเร็วต่ำ แล้วไล่เพิ่มความเร็ว
• บันทึกความคืบหน้า — จดคำใหม่ วลีสำคัญ และประโยคที่ใช้ได้จริง พร้อมตัวอย่างเจ้าของภาษา

ทำไมการฝึกสั้น ๆ ทุกวันถึงเวิร์ก

ข้อมูลพฤติกรรมดิจิทัลในไทยชี้ว่าคนไทยใช้มือถือเป็นหลัก การแบ่งเวลาเรียนเป็นช่วงสั้น ๆ จึงทำได้จริงและยั่งยืน (อ้างอิงข้อมูลผู้ใช้โซเชียลและการออนไลน์ล่าสุด[1]) อีกทั้งภาพรวมทักษะภาษาอังกฤษของไทยยังมีช่องว่างให้พัฒนา การฝึกสม่ำเสมอจะช่วยยกระดับได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน[2]

ตัวอย่าง “เช็กลิสต์” ก่อนเริ่มทุกครั้ง

• ตั้งเป้าเล็ก ๆ วันนี้จะฝึกอะไร (คำศัพท์ 10 คำ / คลิป 1 ตอน / แบบฝึกหัด 2 ชุด)
• เปิดดิกชันนารีอังกฤษ–อังกฤษควบคู่ เพื่อเก็บความหมายตามบริบท
• อ่านออกเสียงหรือ shadowing วลีที่อยากใช้จริง 3 รอบ
• เขียนประโยคตัวเอง 3–5 ประโยค แล้วลองพูดหน้าโทรศัพท์บันทึกเสียง

คำถามที่พบบ่อย

ควรเริ่มจากเว็บไหนถ้าเป็นมือใหม่?

เริ่มจาก VOA (เสียงช้า) + Cambridge Dictionary เพื่อเก็บคำพื้นฐานและโครงสร้างประโยค แล้วค่อยเสริม BBC เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสำเนียงและศัพท์

อยากเน้นพูดและออกเสียง ต้องทำอย่างไร?

ใช้คลิปสั้นจาก BBC/EngVid แล้วทำ shadowing 5–10 นาที/วัน อัดเสียงเทียบกับเจ้าของภาษา โฟกัสจังหวะ วรรณยุกต์ และการเชื่อมเสียง

ฝึกวันละเท่าไรถึงเห็นผล?

สม่ำเสมอสำคัญกว่าระยะเวลา แนะนำ 20–30 นาที/วัน อย่างน้อย 5 วัน/สัปดาห์ และทบทวนคำเก่าทุกสัปดาห์

มีวิธีวัดผลเองไหม?

ทำแบบทดสอบท้ายบทของเว็บที่ใช้ และลองเขียนสรุปข่าวสั้นสัปดาห์ละ 1 ชิ้น เปรียบเทียบกับของสัปดาห์ก่อนเพื่อดูความคล่องและความถูกต้อง

ถ้าต้องการเรียนสดแบบตัวต่อตัว

แม้บทความนี้เน้น “ฟรี” แต่หากต้องการฝึกพูดเชิงลึกกับครูตัวจริง มีตัวเลือกแบบเรียนสดที่ได้รับความนิยม เช่น 51Talk (เรียนเดี่ยว) และสถาบันในไทยอย่าง AUA Language Center (Online) เลือกครูที่มีประสบการณ์สอนผู้เรียนต่างพื้นฐาน และพิจารณาคุณวุฒิวิชาชีพระดับสากล เช่น TESOL เพื่อความมั่นใจด้านคุณภาพการสอน

ลิสต์คำสำคัญและวลีที่ควรใช้ประกอบการค้นหา

ฝึกภาษาอังกฤษออนไลน์, เรียนภาษาอังกฤษฟรี, แบบฝึกหัดแกรมม่า, เกมคำศัพท์อังกฤษ, ฝึกสนทนาภาษาอังกฤษ, ฟังข่าวภาษาอังกฤษ, คอร์สภาษาอังกฤษออนไลน์, แบบทดสอบภาษาอังกฤษฟรี, แอปฝึกภาษาอังกฤษฟรี, ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษใช้จริง

ลิงก์อ่านต่อในเว็บไซต์ของคุณ

• เริ่มเรียนภาษาอังกฤษจาก 0: ทำอย่างไรให้สำเร็จใน 30 วัน
• เรียนภาษาอังกฤษไม่มีพื้นฐานเลย ทำยังไงให้พูดได้เร็ว
• หาครูต่างชาติสอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว สำหรับผู้เริ่มต้น

ข้อมูลอ้างอิง

1. สถิติพฤติกรรมดิจิทัลประเทศไทย 2024 — DataReportal / We Are Social & Meltwater (ผู้ใช้โซเชียล, การใช้อินเทอร์เน็ต, การใช้มือถือ) — ดูข้อมูล
2. ภาพรวมสมรรถนะภาษาอังกฤษของประเทศไทย (คะแนนและอันดับล่าสุด) — EF English Proficiency Index — ดูข้อมูล
3. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สาระภาษาต่างประเทศ) — กระทรวงศึกษาธิการ — ดูเอกสาร
4. ข้อมูลเกี่ยวกับวิชาชีพ TESOL และแนวปฏิบัติ — TESOL International Association — ดูข้อมูล

หมายเหตุ: ลิงก์ภายนอกเลือกจากแหล่งข้อมูลสาธารณะและหน่วยงานที่เชื่อถือได้ เพื่อใช้ยืนยันตัวเลขและแนวโน้มโดยรวม

สรุปท้ายเรื่อง

ถ้าคุณต้องการเริ่มต้นทันที เลือกคู่หู 2–3 แหล่งจาก 10 เว็บไซต์ฝึกภาษาอังกฤษฟรี ข้างต้น เช่น VOA + Cambridge + BBC แล้วกำหนดกิจวัตรสั้น ๆ วันละ 20–30 นาที เสริมด้วยแฟลชการ์ดใน Quizlet และทบทวนสรุปคำศัพท์ทุกสัปดาห์ เมื่อสม่ำเสมอ 1–2 เดือน คุณจะฟังได้มากขึ้น พูดได้คล่องขึ้น และเขียนได้เป็นธรรมชาติขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งดวง

เกี่ยวกับผู้เขียน: ผู้เชี่ยวชาญการสอนภาษาอังกฤษสำหรับผู้เริ่มต้น ประสบการณ์ภาคสนามยาวนานกว่า 10 ปี เน้นการออกแบบบทเรียนที่ใช้ได้จริงและวัดผลได้ โปร่งใสในการอ้างอิงข้อมูลและตัวเลข

คำเตือน/ข้อควรทราบ: เนื้อหานี้จัดทำเพื่อให้ข้อมูลและแนะแนวเชิงปฏิบัติ ไม่ได้ทดแทนคำแนะนำเฉพาะบุคคล ผลลัพธ์ขึ้นกับพื้นฐานและความสม่ำเสมอในการฝึกของแต่ละคน