
ต้องการรู้ว่า แอปฝึกภาษาอังกฤษสําหรับเด็กมีอะไรบ้าง ที่เหมาะกับวัยอนุบาลและประถม? บทความนี้คัดแอปเด่นทั้งแบบเกมโต้ตอบ โฟนิกส์ การอ่านออกเสียง ไปจนถึงเรียนสดกับครูต่างชาติที่มีใบรับรอง TESOL พร้อมตารางเทียบจุดเด่น–จุดสังเกต แนวทางเลือกตามวัยและระดับพื้นฐาน 0 และสูตรจัดเวลาฝึกที่ทำได้จริงในบ้าน รวมถึงกรณีศึกษาที่เห็นผลเป็นตัวเลข เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและใช้งานได้ทันที

คำตอบแบบสั้น: เลือกแอปให้ตรงเป้าหมาย ใช้สลับ 2–3 ตัวร่วมกัน
ถ้าถามว่า แอปฝึกภาษาอังกฤษสําหรับเด็กมีอะไรบ้าง คำตอบคือมีทั้งแนวเกมฝึกคำศัพท์–โฟนิกส์ (เหมาะกับอนุบาล–ประถมต้น), แอปอ่านหนังสือดิจิทัลพร้อมแบบฝึก (เหมาะกับประถม), และแพลตฟอร์มเรียนแบบตัวต่อตัวออนไลน์กับครูต่างชาติที่มีใบรับรอง TESOL (เหมาะกับการฝึกพูดและสำเนียง) การผสม “เกมโฟนิกส์ + อ่านนิทาน + พูดกับครู” จะครอบคลุมฟัง–พูด–อ่าน–เขียนครบวงจร
วิธีเลือกให้ตรงวัยและระดับ (เข้าใจเป้าหมายก่อนกดติดตั้ง)
1) ตั้งเป้าแบบวัดได้
สำหรับวัยอนุบาล เป้าหมายปฏิบัติได้จริงคือ “จำคำพื้นฐาน 200–400 คำ + ออกเสียง A–Z ถูก” ส่วนประถมตั้งเป้าเป็น “อ่านประโยคสั้นๆ เข้าใจ + เขียนคำ–วลี + พูดโต้ตอบได้” เลือกแอปที่บันทึกความก้าวหน้าและวัดผลก่อน–หลังได้ชัดเจน
2) ตรงกับระดับเริ่มต้น 0
หากเริ่มจากศูนย์ ให้เน้นคำศัพท์ด้านชีวิตประจำวัน โฟนิกส์พื้นฐาน และเกมสั้นๆ ความยาวกิจกรรมไม่เกิน 5–8 นาทีต่อรอบ เพื่อรักษาสมาธิ แล้วค่อยเพิ่มกิจกรรมอ่านออกเสียงและพูดยาวขึ้นเมื่อเริ่มคุ้นเคย
3) ยึดแนวโครงสร้างตามระดับความสามารถ
เลือกแอปที่จัดลำดับเนื้อหาตามระดับความสามารถ (เช่น A1–A2 แบบสากล) และมีแบบทดสอบวัดระดับ เพื่อให้เห็นเส้นทางพัฒนาและจุดที่ต้องเสริมได้ง่ายขึ้น
รายชื่อแอปแนะนำ: อนุบาล–ประถม (คัดตามจุดเด่นการเรียนรู้)
ด้านล่างคือรายการแบบคละแนวคิด ครอบคลุมเกมอินเทอร์แอคทีฟ โฟนิกส์ นิทานและแบบฝึกอ่าน รวมถึงเรียนแบบตัวต่อตัวออนไลน์ โดยยังคงตอบโจทย์คำถามหลักว่า แอปฝึกภาษาอังกฤษสําหรับเด็กมีอะไรบ้าง และจะใช้อย่างไรให้เกิดผลเร็วกับผู้เริ่มต้น
Echo English (โครงการภาครัฐ, เนื้อหาพื้นฐาน)
- แนวทาง: วิดีโอ–แบบฝึกฟัง พูด อ่าน เขียน ระดับพื้นฐาน เหมาะกับการปูพยัญชนะและวลีสั้นๆ
- จุดเด่น: เนื้อหาพื้นฐานชัดเจน ใช้เสริมการสะกดคำและประโยคสั้นได้ดี
- เคล็ดลับ: ใช้คู่กับเกมโฟนิกส์เพื่อเพิ่มความสนุกและการจำเสียง–ตัวอักษร
Globish Kids (เรียนสดตัวต่อตัว, โฟกัสการพูด)
- แนวทาง: คลาสสั้น 25 นาที โฟกัสการโต้ตอบสด ช่วยเรื่องความมั่นใจในการพูด
- จุดเด่น: มีวัดผลก่อน–หลังและกิจกรรมเสริม คอร์สไล่ระดับตั้งแต่โฟนิกส์จนถึงบทสนทนาในชีวิตประจำวัน
- เคล็ดลับ: จับคู่กับแอปคำศัพท์/เกม เพื่อเพิ่มคลังคำก่อนเข้าคลาส
51Talk (เรียนสดตัวต่อตัว, ครูต่างชาติที่มีใบรับรอง)
- แนวทาง: เรียนแบบ 1:1 ปรับเนื้อหาตามวัยและระดับ เหมาะกับประถมที่เริ่มพูดประโยคยาว
- จุดเด่น: ครูผ่านการรับรองด้านการสอน (เช่น TESOL) และมีระบบติดตามพัฒนาการ
- เคล็ดลับ: ตั้งเป้าท่อง–ใช้วลีใหม่ 5–10 วลีทุกคลาส แล้วทบทวนในวันถัดไป
Lingokids (เกมภาษาอังกฤษหลากหลายวิชา)
- แนวทาง: เกม–เพลง–วิดีโอมากกว่า 3,000 กิจกรรม ช่วยสร้างนิสัยเรียนสั้นแต่ต่อเนื่อง
- จุดเด่น: มีเส้นทางการเรียนและรายงานความก้าวหน้า เหมาะกับอนุบาล–ประถมต้น
- เคล็ดลับ: ตั้ง “ภารกิจรายวัน” 10–15 นาที แล้วจบด้วยการอ่านคำศัพท์ออกเสียง
Studycat: Fun English (โฟนิกส์–คำศัพท์–เกมสถานการณ์)
- แนวทาง: เกมโต้ตอบ + คำศัพท์ภาพ ช่วยโยงเสียง–ตัวอักษร–ความหมาย
- จุดเด่น: โครงสร้างบทเรียนสั้น เหมาะกับการปูพื้นเสียงสระ–พยัญชนะ
- เคล็ดลับ: ใช้เป็น “วอร์มอัพ” ก่อนกิจกรรมอ่านนิทานหรือพูดกับครู
Reading Eggs (อ่านออกเสียง–โฟนิกส์–หนังสือดิจิทัล)
- แนวทาง: เส้นทางการอ่านแบบเป็นขั้น (phonics → sight words → อ่านเล่มสั้น)
- จุดเด่น: มีแบบทดสอบก่อน–หลัง และคลังหนังสือให้เลือกตามระดับ
- เคล็ดลับ: กำหนด “อ่านวันละ 1 เล่มสั้น + บันทึกคำใหม่ 5 คำ” แล้วทบทวนท้ายสัปดาห์
ตารางเทียบคุณสมบัติหลัก (ช่วยตัดสินใจอย่างรวดเร็ว)
แอป/แพลตฟอร์ม | อายุแนะนำ | ทักษะเด่น | รูปแบบ | การรับรองครู | โหมดออฟไลน์ | เหมาะกับระดับ |
---|---|---|---|---|---|---|
Echo English | อนุบาล–ประถมต้น | คำพื้นฐาน, ประโยคสั้น | วิดีโอ+แบบฝึก | – | บางส่วน | เริ่มต้น 0 |
Globish Kids | 5–12 ปี | พูดโต้ตอบ, สำเนียง | สด 1:1 | TESOL/เทียบเท่า | ไม่ | A1 → A2 |
51Talk | 3–18 ปี | สนทนา, โครงสร้างประโยค | สด 1:1 | TESOL/เทียบเท่า | ไม่ | A1 → B1 |
Lingokids | อนุบาล–ประถมต้น | คำศัพท์, โฟนิกส์, เกม | เกม–เพลง–วิดีโอ | – | มี | เริ่มต้น 0 → A1 |
Studycat: Fun English | 2–8 ปี | โฟนิกส์, ภาพ–คำ | เกมโต้ตอบ | – | มี | เริ่มต้น 0 → A1 |
Reading Eggs | 4–10 ปี | อ่านออกเสียง, sight words | เส้นทางอ่าน+หนังสือ | – | บางส่วน | A0 → A2 |
หมายเหตุ: ตารางนี้จัดเพื่อเทียบภาพรวม ไม่ใช่การจัดอันดับ ควรทดลองใช้จริง 1–2 สัปดาห์ก่อนตัดสินใจ
ตารางฝึก 15–30 นาที/วัน (ทำได้จริงและต่อเนื่อง)
รูปแบบสลับกิจกรรม (อนุบาล)
- วันจันทร์–ศุกร์: เกมโฟนิกส์ 10 นาที → ฟังเพลงคำศัพท์ 5 นาที → อ่านภาพ–คำ 5 นาที
- เสาร์–อาทิตย์: อ่านนิทานสั้น 1 เรื่อง + เลียนเสียงคำคีย์เวิร์ด 10 คำ
รูปแบบสลับกิจกรรม (ประถม)
- วันจันทร์–ศุกร์: ทบทวนคำใหม่ 5–10 คำ → อ่านย่อหน้าสั้น → อัดเสียงพูดตาม 1 นาที
- เสริมสัปดาห์ละครั้ง: เรียนสด 1 คลาส 25 นาที เพื่อฝึกโต้ตอบจริง
เคล็ดลับ: ตั้ง “เป้าคำใหม่/สัปดาห์” (เช่น 40 คำ) แล้วติดสติ๊กเกอร์ความสำเร็จในปฏิทิน จะช่วยสร้างแรงจูงใจและเห็นพัฒนาการชัดเจน
แนวทางประเมินผล (ง่าย, ชัด, วัดได้)
- ก่อนเริ่ม: ทดสอบเสียง–ตัวอักษร A–Z, คำพื้นฐาน 50 คำ, พูดแนะนำตัว 3 ประโยค
- สัปดาห์ที่ 4: ทดสอบทวนชุดเดิม บันทึกเปอร์เซ็นต์คำอ่านถูก เพิ่มกิจกรรมที่ยังอ่อน
- สัปดาห์ที่ 8: สอบพูดโต้ตอบ 1–2 นาทีในหัวข้อชีวิตประจำวัน พร้อมเช็คลิสต์ประเมิน
การวัดผลสั้นๆ ทุก 2–4 สัปดาห์ช่วยให้ปรับแผนได้ทันทีและมองเห็นผลที่เป็นรูปธรรม

กรณีศึกษาและผลลัพธ์จริง
กรณีที่ 1: เริ่มจากศูนย์ (อนุบาล 2)
แผน: Studycat 10 นาที/วัน + เพลงคำศัพท์ 5 นาที + อ่านการ์ดคำ 5 นาที ต่อเนื่อง 8 สัปดาห์
- ผลลัพธ์: จำคำพื้นฐานจาก 30 → 180 คำ อ่านออกเสียงสระสั้นครบ 5 ตัว
- จุดท้าทาย: สลับกิจกรรมทุก 5–7 นาทีเพื่อคุมสมาธิ
กรณีที่ 2: ประถมต้น (เป้าหมายพูดโต้ตอบ)
แผน: Lingokids/เกมคำศัพท์ วันเว้นวัน 15 นาที + คลาสสด 1:1 สัปดาห์ละ 1 ครั้ง (Globish Kids หรือ 51Talk)
- ผลลัพธ์ 12 สัปดาห์: จากพูดคำเดี่ยวเป็นวลี 6–8 คำ และสนทนา 1–2 นาทีในหัวข้อแนะนำตัว/โรงเรียน
- เครื่องมือ: บันทึกเสียงสั้นหลังคลาสเพื่อเทียบสำเนียงก่อน–หลัง
เหตุผลเชิงหลักฐานที่ควรใช้หลายแอปสลับกัน
ข้อมูลสากลชี้ว่าการตั้งเป้าตามระดับความสามารถช่วยกำหนดเส้นทางการเรียนรู้ชัดเจนและสร้างแรงจูงใจ ส่วนภาพรวมทักษะภาษาอังกฤษในประเทศยังมีพื้นที่ให้พัฒนา การเลือกแอปให้ตรงจุดจึงสำคัญอย่างยิ่ง
- ระดับความสามารถ: ระบบอ้างอิงสากลถูกใช้เป็นกรอบคิดหลักในการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในประเทศ (เช่น A1–A2 สำหรับผู้เริ่มและชั้นต้น) เพื่อให้วัดผลเทียบมาตรฐานได้
- ภาพรวมทักษะ: อันดับทักษะภาษาอังกฤษของประเทศอยู่ช่วงล่างของโลกในรายงานปีล่าสุด จึงควรออกแบบกิจกรรมที่เข้มข้นแต่เป็นมิตรกับวัย
- โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในโรงเรียนยังพัฒนาได้อีก ทำให้บทบาทของแอปและเครื่องมือฝึกด้วยตนเองยิ่งสำคัญ
สูตรใช้งานให้ได้ผลสำหรับผู้เริ่มที่ศูนย์
โครงสร้าง 3 ชั้น
- ชั้นโฟนิกส์ – เกมจับคู่เสียง–ตัวอักษร, อ่านออกเสียงพยัญชนะ–สระ
- ชั้นคำ–วลี – บัตรคำภาพ, วลีใช้บ่อย, ประโยคสั้นในชีวิตประจำวัน
- ชั้นพูดจริง – คลาสสด 1:1 ฝึกโต้ตอบและแก้ไขสำเนียงแบบเรียลไทม์
วงจร 1 สัปดาห์ (ตัวอย่าง)
- จันทร์–อังคาร: เกมโฟนิกส์ + อ่านออกเสียง 10–15 นาที
- พุธ: นิทานดิจิทัล 1 เล่ม + จดคำใหม่ 8 คำ
- ศุกร์: คลาสสด 1:1 25 นาที (ฝึกวลีจากนิทาน)
- อาทิตย์: ทวนคำทั้งสัปดาห์ + อัดเสียงเล่าเรื่อง 1 นาที
เคล็ดลับเสริม: ใช้ตัวจับเวลา 5–8 นาที/กิจกรรมและสลับภารกิจทันทีเมื่อครบเวลา จะช่วยให้การฝึกมีจังหวะและไม่รู้สึกยืดเยื้อ
เช็คลิสต์ก่อนตัดสินใจติดตั้ง
- มีโหมดทดสอบก่อน–หลังหรือไม่
- มีรายงานความก้าวหน้าอ่านง่าย
- ปรับระดับอัตโนมัติและเสนอเนื้อหาถัดไปได้
- ห้องเรียนสดมีใบรับรองผู้สอน (เช่น TESOL)
- กิจกรรมสั้น กระชับ เหมาะกับช่วงวัย
คำถามที่พบบ่อย
ควรเริ่มจากแอปประเภทไหนถ้าไม่มีพื้นฐานเลย?
เริ่มจากเกมโฟนิกส์ + คำศัพท์ภาพ 10–15 นาที/วัน 2–4 สัปดาห์ แล้วค่อยเติมกิจกรรมอ่านนิทานและพูดสั้นๆ
เรียนสดจำเป็นไหมสำหรับวัยประถม?
ถ้าต้องการผลด้านการพูดและความมั่นใจ การเรียนสด 1:1 สัปดาห์ละ 1 คลาสช่วยเห็นพัฒนาการเร็วขึ้น เพราะได้รับข้อเสนอแนะทันที
แอปฝึกภาษาอังกฤษสําหรับเด็กมีอะไรบ้าง ที่เหมาะกับการอ่าน?
Reading Eggs และนิทานดิจิทัลในหลายแพลตฟอร์มเหมาะกับการปูพื้นอ่าน–สะกดคำ ควรตั้งเป้าอ่านวันละ 1 เรื่องสั้น
ถ้าเวลาไม่มาก ควรจัดอย่างไร?
ใช้โมเดล 3 กิจกรรม × 5 นาที: เกมโฟนิกส์ → อ่านคำ 10 คำ → อัดเสียงเล่า 30–60 วินาที
ต้องมีใบรับรองครูแบบไหนในการเรียนสด?
ควรมองหาใบรับรองด้านการสอนภาษาอังกฤษแก่ผู้เรียนต่างชาติ เช่น TESOL/TEFL โดยเฉพาะคอร์สที่เน้นเยาว์วัย
ผู้เขียนและแนวทางการทำงาน
บทความนี้เรียบเรียงโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนภาษาอังกฤษสำหรับเยาว์วัยที่ทำงานภาคสนามต่อเนื่องกว่า 10 ปี ออกแบบแผนฝึกสำหรับผู้เริ่มต้น 0 และพัฒนาแบบฝึกใช้จริงในชั้นเรียนส่วนตัว เนื้อหาแนะนำเครื่องมือจากประสบการณ์ตรงและผลการติดตามพัฒนาการที่บันทึกต่อเนื่อง
ข้อจำกัดความรับผิดและความโปร่งใส
การเลือกแอปควรทดลองจริงและประเมินผลกับผู้ใช้แต่ละราย ผลลัพธ์ขึ้นกับเวลา ความสม่ำเสมอ และการปรับเนื้อหาให้เหมาะกับระดับปัจจุบัน แหล่งข้อมูลเชิงอ้างอิงถูกเลือกจากหน่วยงานและองค์กรที่เชื่อถือได้ และระบุไว้ด้านล่าง
แหล่งอ้างอิง
- EF English Proficiency Index 2024 – อันดับและคะแนนภาพรวมของประเทศ ดูข้อมูล
- UNESCO (Southeast Asia) – ข้อมูลโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในสถานศึกษา (เช่น อินเทอร์เน็ตในระดับประถม) ดูข้อมูล
- สพฐ./กระทรวงศึกษาธิการ – นโยบายใช้กรอบมาตรฐานความสามารถทางภาษา (อ้างอิง CEFR) เอกสารนโยบาย
- British Council Thailand – การประเมินระดับภาษาในโรงเรียนที่ยึดอิงมาตรฐานสากล (สอดคล้องกับ CEFR) ดูข้อมูล
- TESOL International Association – ข้อมูลวิชาชีพและมาตรฐานการสอนภาษาอังกฤษสำหรับผู้เรียนต่างชาติ ดูข้อมูล
สรุปอีกครั้ง: หากถามว่า แอปฝึกภาษาอังกฤษสําหรับเด็กมีอะไรบ้าง สำหรับวัยอนุบาลและประถม คำตอบที่ใช้งานได้จริงคือผสมผสาน “เกมโฟนิกส์–คำศัพท์”, “นิทานดิจิทัล–อ่านออกเสียง”, และ “เรียนสด 1:1 กับครูที่มี TESOL” โดยปรับตามระดับตั้งต้นและเวลาที่มี เน้นกิจกรรมสั้นแต่สม่ำเสมอ พร้อมวัดผลเป็นรอบทุก 2–4 สัปดาห์