
การเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ในปัจจุบันได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะความสะดวกสบายและความยืดหยุ่นในการเรียน คุณสามารถเลือกเวลาเรียนได้ตามต้องการ และยังสามารถเลือกเรียนกับครูผู้สอนจากทั่วทุกมุมโลก ในบทความนี้เราจะพาคุณไปพบกับ 10 แหล่งเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ดีที่สุดในปี 2025 พร้อมแนะนำข้อดีข้อเสียของแต่ละแหล่งเรียน

ทำไมควรเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์?
การเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ในยุคปัจจุบันมีข้อดีหลายประการที่ทำให้หลายคนหันมาใช้วิธีนี้ในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
- สะดวก: สามารถเรียนที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้ เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต
- ยืดหยุ่น: เลือกเวลาเรียนได้ตามความสะดวกของตัวเอง
- เลือกครูได้: คุณสามารถเลือกครูที่ตรงกับความต้องการและเป้าหมายการเรียนรู้ของตัวเอง
แหล่งเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ดีที่สุดในปี 2025
หากคุณกำลังมองหาที่เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่มีคุณภาพในปี 2025 นี้ เราได้คัดเลือก 10 แหล่งเรียนที่ดีที่สุดที่เหมาะสมกับผู้เรียนทุกระดับ
1. 51Talk
51Talk เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงในประเทศไทย โดยเฉพาะสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับครูต่างชาติที่มีประสบการณ์
ข้อดีของ 51Talk:
- เรียนกับครูต่างชาติที่มีใบรับรอง TESOL
- คอร์สเรียนมีหลากหลายระดับ
- ราคาเรียนที่ค่อนข้างยืดหยุ่น
2. Cambly
Cambly เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับครูเจ้าของภาษา ซึ่งมีจุดเด่นในการเรียนแบบตัวต่อตัว
ข้อดีของ Cambly:
- เรียนกับครูเจ้าของภาษา
- เลือกครูที่เหมาะสมกับความต้องการ
- มีคอร์สที่เหมาะสมกับทุกระดับ
ข้อเสีย:
- ราคาอาจสูงกว่าคอร์สอื่นๆ
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนภาษาในด้านอื่นๆ เช่น การเขียนหรือการอ่าน

3. Preply
Preply เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้คุณสามารถเลือกครูที่มีประสบการณ์และมีทักษะในการสอนตามที่คุณต้องการ
ข้อดีของ Preply:
- เลือกครูได้ตามราคาและประสบการณ์
- ระบบการจองเรียนที่สะดวก
- มีคอร์สให้เลือกหลากหลาย
ข้อเสีย:
- ราคาคอร์สอาจแตกต่างกันไปตามครู
- ต้องใช้เวลาในการค้นหาครูที่ตรงกับความต้องการ
4. EnglishClass101
EnglishClass101 มุ่งเน้นการเรียนภาษาอังกฤษในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและมีโครงสร้างการเรียนที่ชัดเจน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้ในเวลาจำกัด
ข้อดีของ EnglishClass101:
- สื่อการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ
- สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการเรียนรู้ภาษาอังกฤษในเวลาจำกัด
ข้อเสีย:
- อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการเรียนแบบตัวต่อตัว
- ราคาเรียนอาจสูงขึ้นในบางแพ็กเกจ
5. EF English Live
EF English Live เป็นแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียงในการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ โดยมีคอร์สที่หลากหลายและสามารถเรียนได้ตามเวลาที่สะดวก
ข้อดีของ EF English Live:
- มีครูเจ้าของภาษาให้เลือกมากมาย
- คอร์สที่สามารถเรียนได้ในเวลาที่ยืดหยุ่น
- มีการฝึกฝนทักษะการพูดและการเขียน
ข้อเสีย:
- ราคาเรียนอาจค่อนข้างสูง
- ระบบการเรียนอาจยุ่งยากสำหรับผู้เริ่มต้น

6. Italki
Italki เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักเรียนทั่วโลก เพราะมีการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ยืดหยุ่น โดยสามารถเลือกเรียนกับครูที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์
ข้อดีของ Italki:
- มีครูหลากหลายประเภททั้งครูเจ้าของภาษาและครูที่เป็นเจ้าของภาษาไทย
- เลือกเวลาเรียนได้ตามต้องการ
- ราคาเรียนที่ยืดหยุ่นขึ้นอยู่กับครู
ข้อเสีย:
- ราคาคอร์สอาจสูงกว่าบางแพลตฟอร์ม
- ต้องเลือกครูที่ตรงกับความต้องการของผู้เรียน
7. Lingoda
Lingoda มุ่งเน้นการเรียนการสอนแบบออนไลน์ด้วยการใช้ห้องเรียนกลุ่ม ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกทักษะการพูดในสภาพแวดล้อมที่มีการแลกเปลี่ยน
ข้อดีของ Lingoda:
- มีการเรียนการสอนที่มีโครงสร้างชัดเจน
- มีการเรียนแบบกลุ่มที่สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนร่วมเรียนได้
ข้อเสีย:
- การเรียนในกลุ่มอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนแบบตัวต่อตัว
- ราคาคอร์สอาจสูงเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆ
8. Busuu
Busuu มีระบบการเรียนรู้ที่ใช้เทคโนโลยีในการฝึกภาษาอังกฤษ รวมถึงแบบฝึกหัดและบททดสอบที่ช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะภาษาได้อย่างรวดเร็ว
ข้อดีของ Busuu:
- สามารถเรียนได้จากทุกที่
- ใช้เครื่องมือการเรียนการสอนที่ทันสมัย
ข้อเสีย:
- ไม่มีการเรียนแบบตัวต่อตัว
- บางฟีเจอร์มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
9. Verbling
Verbling เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่เน้นการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับครูเจ้าของภาษา มีครูจากทั่วทุกมุมโลกให้เลือก
ข้อดีของ Verbling:
- มีครูเจ้าของภาษาให้เลือกมากมาย
- สามารถเลือกเรียนได้ตามความต้องการของผู้เรียน
ข้อเสีย:
- ราคาคอร์สอาจแตกต่างกันไปตามครู
- ต้องใช้เวลาในการค้นหาครูที่เหมาะสม
10. Skyeng
Skyeng เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในด้านการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ มีการเรียนการสอนที่ใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่ทันสมัย
ข้อดีของ Skyeng:
- ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการสอน
- มีคอร์สที่หลากหลายทั้งในรูปแบบตัวต่อตัวและกลุ่ม
ข้อเสีย:
- ราคาคอร์สค่อนข้างสูง
- บางครั้งอาจมีข้อจำกัดเรื่องเวลาการเรียน
วิธีการเลือกแหล่งเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์
การเลือกแหล่งเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์นั้นควรพิจารณาหลายปัจจัย เช่น ระดับความสามารถของตัวเอง งบประมาณที่มี และประเภทของการเรียนที่คุณต้องการ
คำแนะนำในการเลือกแพลตฟอร์ม:
- เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะกับระดับการเรียนของคุณ
- เลือกแพลตฟอร์มที่มีครูที่มีใบรับรอง TESOL หรือครูเจ้าของภาษา
- พิจารณาค่าใช้จ่ายในการเรียนแต่ละแพลตฟอร์ม
คำถามที่พบบ่อย
Q1: การเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์เหมาะกับผู้เริ่มต้นหรือไม่?
A1: ใช่, การเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น เนื่องจากหลายแพลตฟอร์มมีคอร์สสำหรับผู้เริ่มต้น และสามารถเรียนได้ตามความสะดวก
Q2: แพลตฟอร์มไหนที่ดีที่สุดสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัว?
A2: Cambly และ 51Talk เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสมสำหรับการเรียนแบบตัวต่อตัวกับครูเจ้าของภาษา
สรุป
การเลือกแหล่งเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ในปี 2025 มีตัวเลือกที่หลากหลายและเหมาะสมกับผู้เรียนทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนแบบตัวต่อตัวกับครูเจ้าของภาษา หรือการเรียนกับครูผู้สอนจากทั่วโลก โดยคุณสามารถเลือกแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์และเหมาะสมกับความต้องการของคุณได้ตามงบประมาณและเวลา