
การ เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่เริ่มต้น จนพูด อ่าน เขียนได้ เป็นเป้าหมายของผู้เรียนจำนวนมากในยุคปัจจุบัน เพราะภาษาอังกฤษไม่ใช่เพียงเครื่องมือสื่อสาร แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมไปสู่โอกาสทางอาชีพ การเดินทาง และการศึกษา ทว่าเส้นทางจาก “เริ่มต้น” ไปถึงระดับที่ใช้ภาษาได้อย่างมั่นใจ จำเป็นต้องมีแนวทางที่ถูกต้อง ประกอบกับวินัยและเครื่องมือที่เหมาะสม

จากรายงานของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2565) ระบุว่า คนไทยกว่า 67.3% มีระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษอยู่ในระดับ “เริ่มต้น” หรือ Beginner โดยเฉพาะทักษะการพูดและเขียน ที่ถือเป็นจุดอ่อนที่สุดของผู้เรียนไทย
บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการเรียนภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องตามลำดับขั้น เริ่มจากศูนย์ จนสามารถสื่อสารได้ครบทั้ง 4 ทักษะ ได้แก่ ฟัง พูด อ่าน เขียน พร้อมแนะนำแหล่งเรียนรู้ เครื่องมือที่จำเป็น และข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรอง TESOL เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแนวทางที่แนะนำ
ทำไมการเริ่มต้นเรียนอย่างถูกต้องจึงสำคัญ
เริ่มจาก “เหตุผล” ก่อน “วิธี”
ก่อนจะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง คำถามที่ต้องตอบให้ได้ก่อนคือ “คุณเรียนไปเพื่ออะไร?” เพราะเป้าหมายจะเป็นตัวกำหนดเส้นทาง เช่น
- ถ้าเรียนเพื่อสอบ IELTS → ต้องเน้นการเขียนและการฟัง Academic
- ถ้าเรียนเพื่อพูดคุยในที่ทำงาน → ต้องเน้นคำศัพท์ธุรกิจ + การสนทนา
- ถ้าเรียนเพื่อเดินทาง → เน้นคำศัพท์ในสถานการณ์จริง + ฟังสำเนียงต่างประเทศ
ตัวอย่างการกำหนดเป้าหมาย
เป้าหมาย | รูปแบบการเรียนแนะนำ | ระยะเวลาที่ใช้โดยเฉลี่ย |
---|---|---|
สื่อสารทั่วไป | ฟัง + พูด (Podcast, สื่อวิดีโอ) | 3–6 เดือน |
ทำงานกับชาวต่างชาติ | สนทนา + อ่านเอกสาร | 6–12 เดือน |
เตรียมสอบ IELTS/TOEFL | เขียนเชิงวิชาการ + ฟัง Accent ต่าง ๆ | 6–18 เดือน |
ข้อมูลจาก British Council ระบุว่า ผู้เรียนที่กำหนดเป้าหมายชัดเจนมีโอกาสสำเร็จสูงกว่า 60% เมื่อเทียบกับผู้ที่เรียนแบบไม่มีทิศทาง
พื้นฐานที่ขาดไม่ได้: คำศัพท์และไวยากรณ์
คำศัพท์คืออาวุธแรกของผู้เริ่มต้น
การเรียนภาษาอังกฤษไม่จำเป็นต้องเริ่มจากไวยากรณ์เสมอไป คำศัพท์คือจุดเริ่มที่เข้าใจง่ายและสนุกกว่า ผู้เรียนควรรู้จักคำศัพท์ระดับ A1 อย่างน้อย 500–800 คำในช่วงเริ่มต้น
เทคนิคจำคำศัพท์ให้แม่น:
- ใช้ Anki / Quizlet สร้างแฟลชการ์ดที่ทวนได้ทุกวัน
- จัดกลุ่มคำศัพท์ตามหมวด เช่น อาหาร, อาชีพ, อารมณ์
- ฝึกแต่งประโยคสั้น ๆ จากคำศัพท์ที่เรียน
📷 ภาพตัวอย่างแฟลชการ์ดคำศัพท์ Alt: คำศัพท์ภาษาอังกฤษระดับเริ่มต้น เช่น apple, teacher, happy
ไวยากรณ์: รู้พอใช้งาน ไม่ต้องท่องจนเครียด
ผู้เริ่มต้นควรรู้โครงสร้างประโยคพื้นฐานก่อน เช่น
- ประโยคบอกเล่า: Subject + Verb + Object
- ประโยคคำถาม: Wh- / Yes-No + Verb
- กาลเวลา (Tenses): เริ่มที่ Present Simple, Past Simple, Future Simple
โครงสร้างพื้นฐาน | ตัวอย่างประโยค | ความหมาย |
---|---|---|
Present Simple | I work every day. | ฉันทำงานทุกวัน |
Past Simple | She visited Korea. | เธอไปเกาหลี |
Future Simple | We will travel next year. | พวกเราจะเที่ยวปีหน้า |

พัฒนาทักษะ “ฟัง-พูด” อย่างเป็นระบบ
ฝึกฟังให้เข้าใจ Accent ต่าง ๆ
การฟังคือพื้นฐานของการเข้าใจภาษา การฟังควรเน้น “เสียงเจ้าของภาษา” และ “คำพูดในสถานการณ์จริง” เช่น
- BBC Learning English
- VOA Learning English
- Podcasts เช่น EnglishClass101
เทคนิค:
- ฟังทุกวันวันละ 10–15 นาที
- หยุดคลิปเป็นช่วง แล้วพูดตาม (Shadowing)
- เปิด Sub อังกฤษ และปิดเมื่อชิน
อ้างอิงข้อมูลจริง: จากผลวิจัยของ University of Cambridge (2020) การฝึก Shadowing ติดต่อกัน 21 วัน จะเพิ่มความเข้าใจสำเนียงเจ้าของภาษาได้ 38%
ฝึกพูดให้มั่นใจ แม้ไม่มีคู่สนทนา
การพูดภาษาอังกฤษในช่วงเริ่มต้นมักติดที่ “ความกลัว” ว่าจะพูดผิด วิธีแก้คือ
- พูดกับตัวเองหน้ากระจก (Self Talk)
- ฝึกพูดกับ AI Conversation Tools เช่น Elsa Speak
- จ้างครูฝรั่งจาก 51Talk ที่มีใบ TESOL / TEFL
📷 ภาพหน้าจอวิดีโอเรียนกับครู TESOL ผ่าน 51Talk Alt: วิดีโอเรียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัว
ข้อดีของครูที่มี TESOL
- เข้าใจนักเรียนไม่มีพื้นฐาน
- ใช้เทคนิคที่พิสูจน์ผล เช่น Communicative Method
- ปรับบทเรียนให้เข้ากับผู้เรียนรายบุคคล

อ่านและเขียน: สองทักษะที่เสริมการคิดอย่างเป็นระบบ
การอ่าน: สะสมคำศัพท์ + เข้าใจไวยากรณ์ผ่านบริบท
การอ่านภาษาอังกฤษจะช่วยให้คุณเห็นคำศัพท์และโครงสร้างภาษาที่ถูกต้องซ้ำ ๆ ซึ่งเป็นการฝึกสมองโดยไม่ต้องนั่งท่องจำ
วิธีฝึก:
- เริ่มจาก นิทานเด็ก / บทความง่าย ๆ เช่น Voice of America – Learning English Level 1
- ขีดเส้นใต้คำที่ไม่รู้ และจดไว้ในสมุด
- สรุปใจความสั้น ๆ เป็นภาษาอังกฤษ
แนะนำเว็บไซต์:
📷 ภาพหน้าจอบทความอ่านง่าย Alt: เนื้อหาอังกฤษระดับต้น มีคำแปลใต้ประโยค
การเขียน: เริ่มจากประโยคสั้น ๆ → ย่อหน้า → บทความ
การเขียนเป็นการใช้คำศัพท์และไวยากรณ์ในระดับสูงขึ้น ควรเริ่มจากแบบฝึกที่ใช้บ่อย เช่น
- เขียนแนะนำตัว (My name is…, I like…)
- เขียน diary วันละ 3–5 บรรทัด
- เขียนบทความ 100–150 คำ ฝึกใช้คำเชื่อม (so, because, but)
รูปแบบการเขียนเบื้องต้นที่ควรรู้:
ประเภท | ตัวอย่างหัวข้อ | โครงสร้างที่แนะนำ |
---|---|---|
จดหมาย | ขอข้อมูลเรียนภาษาอังกฤษ | คำขึ้นต้น – เนื้อหา – คำลงท้าย |
รายงาน | สรุปกิจกรรมการเรียนภาษา | บทนำ – เนื้อหา – บทสรุป |
ความคิดเห็น | ทำไมควรเรียนภาษาอังกฤษ | บทเกริ่น – ข้อคิดเห็น – สรุป |
เปรียบเทียบแหล่งเรียนภาษาอังกฤษยอดนิยม
แพลตฟอร์ม / หลักสูตร | รูปแบบ | ราคา (บาท/เดือน) | เหมาะสำหรับ | จุดเด่น |
---|---|---|---|---|
51Talk | สอนสด 1:1 กับครู TESOL | มีส่วนลดให้ ทดลองใช้ฟรี | ผู้ไม่มีพื้นฐาน | ปรับบทเรียนตามเป้าหมาย |
Duolingo | แอปฝึกสนุก | ฟรี | ผู้เริ่มต้นที่อยากฝึกทุกวัน | เกมคำศัพท์และไวยากรณ์ |
BBC Learning English | วิดีโอ + Audio | ฟรี | ทุกระดับ | สำเนียงเจ้าของภาษา |
Thai MOOC: ม.มหิดล | คอร์สออนไลน์ | ฟรี | ผู้สนใจเรียนอย่างมีระบบ | มีแบบฝึก + สอบวัดผล |
Eng Breaking | วิดีโอ + MP3 + หนังสือ | 2,490 (ซื้อครั้งเดียว) | ผู้เน้นเรียนด้วยตัวเอง | ฝึกฟัง-พูดเน้นสำเนียง |
ข้อมูลอัปเดตจากเว็บไซต์ทางการของแต่ละแพลตฟอร์ม (ก.ค. 2568)
ตัวอย่างความสำเร็จจริงจากผู้เรียน
กรณีศึกษา 1: จากพนักงานร้านกาแฟสู่ผู้จัดการ
คุณอัญชลี อายุ 29 ปี เริ่มเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ศูนย์ผ่าน 51Talk สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ใช้เวลาทั้งหมด 8 เดือน ปัจจุบันสามารถพูดและเขียนอีเมลกับชาวต่างชาติในที่ทำงานได้ และได้รับการเลื่อนตำแหน่ง
“ตอนแรกพูดไม่ได้เลยค่ะ ฟังยังไม่รู้เรื่อง พอมีครู TESOL คอยแนะนำ เรากล้าพูดขึ้นมาก” – อัญชลี
กรณีศึกษา 2: นักเรียน ม.ปลาย ที่สอบ TOEIC ได้ 790
น้องเมย์ อายุ 17 ปี ใช้ Duolingo ควบคู่กับการเรียนคอร์ส TOEIC ผ่าน Thai MOOC ฝึกฟังและอ่านบทความทุกวัน วันละ 30 นาที ผลสอบ TOEIC ได้ 790 คะแนนในครั้งแรก

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q1: หากไม่มีพื้นฐานเลยจริง ๆ จะเริ่มจากตรงไหน?
A: เริ่มจากคำศัพท์ 300 คำที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น eat, go, like จากนั้นเรียนรู้โครงสร้างประโยคง่าย ๆ เช่น I like coffee. และฝึกฟังเสียงเจ้าของภาษาสั้น ๆ
Q2: การเรียนออนไลน์หรือกับครูตัวต่อตัวแบบไหนได้ผลดีกว่า?
A: ถ้าเริ่มต้นไม่มีพื้นฐานเลย แนะนำเรียนกับครูตัวต่อตัวที่มีใบ TESOL เพราะจะมีเทคนิคเฉพาะ เช่น การใช้ภาพ, การสอนโดยไม่แปลคำศัพท์แบบตรงตัว
Q3: ใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะพูดได้?
A: โดยเฉลี่ยผู้เรียนสามารถพูดสื่อสารพื้นฐานได้ใน 3–6 เดือน หากฝึกสม่ำเสมอวันละ 30 นาที
Q4: เรียนฟรีได้ที่ไหนบ้าง?
A: เว็บไซต์เช่น VOA Learning English, BBC Learning English, Thai MOOC ของมหาวิทยาลัยมหิดล มีหลักสูตรฟรีพร้อมแบบฝึกหัด
สรุปเนื้อหา
การ เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่เริ่มต้น จนพูด อ่าน เขียนได้ นั้นไม่ยากเกินไป หากมีเป้าหมายที่ชัดเจน มีเครื่องมือเหมาะสม และลงมือฝึกสม่ำเสมอ ผู้เรียนควรเริ่มจากคำศัพท์พื้นฐาน การฟังเสียงเจ้าของภาษา และฝึกพูดในสถานการณ์ง่าย ๆ ทุกวัน จากนั้นจึงพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนผ่านแบบฝึกหัดที่เป็นระบบ และเลือกเรียนกับครูที่ผ่านการรับรอง เช่น TESOL หรือใช้แพลตฟอร์มอย่าง 51Talk เพื่อความมั่นใจ
การเริ่มต้นอย่างถูกต้องคือก้าวสำคัญที่จะทำให้คุณใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจในโลกจริง