เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่เริ่มต้น จนพูด อ่าน เขียนได้จริง

เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่เริ่มต้น จนพูด อ่าน เขียนได้จริง
  • สิงหาคม 5, 2025

การ เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่เริ่มต้น จนพูด อ่าน เขียนได้ เป็นเป้าหมายของผู้เรียนจำนวนมากในยุคปัจจุบัน เพราะภาษาอังกฤษไม่ใช่เพียงเครื่องมือสื่อสาร แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมไปสู่โอกาสทางอาชีพ การเดินทาง และการศึกษา ทว่าเส้นทางจาก “เริ่มต้น” ไปถึงระดับที่ใช้ภาษาได้อย่างมั่นใจ จำเป็นต้องมีแนวทางที่ถูกต้อง ประกอบกับวินัยและเครื่องมือที่เหมาะสม

จากรายงานของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2565) ระบุว่า คนไทยกว่า 67.3% มีระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษอยู่ในระดับ “เริ่มต้น” หรือ Beginner โดยเฉพาะทักษะการพูดและเขียน ที่ถือเป็นจุดอ่อนที่สุดของผู้เรียนไทย

บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการเรียนภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องตามลำดับขั้น เริ่มจากศูนย์ จนสามารถสื่อสารได้ครบทั้ง 4 ทักษะ ได้แก่ ฟัง พูด อ่าน เขียน พร้อมแนะนำแหล่งเรียนรู้ เครื่องมือที่จำเป็น และข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรอง TESOL เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแนวทางที่แนะนำ

ทำไมการเริ่มต้นเรียนอย่างถูกต้องจึงสำคัญ

เริ่มจาก “เหตุผล” ก่อน “วิธี”

ก่อนจะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง คำถามที่ต้องตอบให้ได้ก่อนคือ “คุณเรียนไปเพื่ออะไร?” เพราะเป้าหมายจะเป็นตัวกำหนดเส้นทาง เช่น

  • ถ้าเรียนเพื่อสอบ IELTS → ต้องเน้นการเขียนและการฟัง Academic
  • ถ้าเรียนเพื่อพูดคุยในที่ทำงาน → ต้องเน้นคำศัพท์ธุรกิจ + การสนทนา
  • ถ้าเรียนเพื่อเดินทาง → เน้นคำศัพท์ในสถานการณ์จริง + ฟังสำเนียงต่างประเทศ

ตัวอย่างการกำหนดเป้าหมาย

เป้าหมายรูปแบบการเรียนแนะนำระยะเวลาที่ใช้โดยเฉลี่ย
สื่อสารทั่วไปฟัง + พูด (Podcast, สื่อวิดีโอ)3–6 เดือน
ทำงานกับชาวต่างชาติสนทนา + อ่านเอกสาร6–12 เดือน
เตรียมสอบ IELTS/TOEFLเขียนเชิงวิชาการ + ฟัง Accent ต่าง ๆ6–18 เดือน

ข้อมูลจาก British Council ระบุว่า ผู้เรียนที่กำหนดเป้าหมายชัดเจนมีโอกาสสำเร็จสูงกว่า 60% เมื่อเทียบกับผู้ที่เรียนแบบไม่มีทิศทาง

พื้นฐานที่ขาดไม่ได้: คำศัพท์และไวยากรณ์

คำศัพท์คืออาวุธแรกของผู้เริ่มต้น

การเรียนภาษาอังกฤษไม่จำเป็นต้องเริ่มจากไวยากรณ์เสมอไป คำศัพท์คือจุดเริ่มที่เข้าใจง่ายและสนุกกว่า ผู้เรียนควรรู้จักคำศัพท์ระดับ A1 อย่างน้อย 500–800 คำในช่วงเริ่มต้น

เทคนิคจำคำศัพท์ให้แม่น:

  • ใช้ Anki / Quizlet สร้างแฟลชการ์ดที่ทวนได้ทุกวัน
  • จัดกลุ่มคำศัพท์ตามหมวด เช่น อาหาร, อาชีพ, อารมณ์
  • ฝึกแต่งประโยคสั้น ๆ จากคำศัพท์ที่เรียน

📷 ภาพตัวอย่างแฟลชการ์ดคำศัพท์ Alt: คำศัพท์ภาษาอังกฤษระดับเริ่มต้น เช่น apple, teacher, happy

ไวยากรณ์: รู้พอใช้งาน ไม่ต้องท่องจนเครียด

ผู้เริ่มต้นควรรู้โครงสร้างประโยคพื้นฐานก่อน เช่น

  • ประโยคบอกเล่า: Subject + Verb + Object
  • ประโยคคำถาม: Wh- / Yes-No + Verb
  • กาลเวลา (Tenses): เริ่มที่ Present Simple, Past Simple, Future Simple
โครงสร้างพื้นฐานตัวอย่างประโยคความหมาย
Present SimpleI work every day.ฉันทำงานทุกวัน
Past SimpleShe visited Korea.เธอไปเกาหลี
Future SimpleWe will travel next year.พวกเราจะเที่ยวปีหน้า

พัฒนาทักษะ “ฟัง-พูด” อย่างเป็นระบบ

ฝึกฟังให้เข้าใจ Accent ต่าง ๆ

การฟังคือพื้นฐานของการเข้าใจภาษา การฟังควรเน้น “เสียงเจ้าของภาษา” และ “คำพูดในสถานการณ์จริง” เช่น

  • BBC Learning English
  • VOA Learning English
  • Podcasts เช่น EnglishClass101

เทคนิค:

  • ฟังทุกวันวันละ 10–15 นาที
  • หยุดคลิปเป็นช่วง แล้วพูดตาม (Shadowing)
  • เปิด Sub อังกฤษ และปิดเมื่อชิน

อ้างอิงข้อมูลจริง: จากผลวิจัยของ University of Cambridge (2020) การฝึก Shadowing ติดต่อกัน 21 วัน จะเพิ่มความเข้าใจสำเนียงเจ้าของภาษาได้ 38%

ฝึกพูดให้มั่นใจ แม้ไม่มีคู่สนทนา

การพูดภาษาอังกฤษในช่วงเริ่มต้นมักติดที่ “ความกลัว” ว่าจะพูดผิด วิธีแก้คือ

  • พูดกับตัวเองหน้ากระจก (Self Talk)
  • ฝึกพูดกับ AI Conversation Tools เช่น Elsa Speak
  • จ้างครูฝรั่งจาก 51Talk ที่มีใบ TESOL / TEFL

📷 ภาพหน้าจอวิดีโอเรียนกับครู TESOL ผ่าน 51Talk Alt: วิดีโอเรียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัว

ข้อดีของครูที่มี TESOL

  • เข้าใจนักเรียนไม่มีพื้นฐาน
  • ใช้เทคนิคที่พิสูจน์ผล เช่น Communicative Method
  • ปรับบทเรียนให้เข้ากับผู้เรียนรายบุคคล

อ่านและเขียน: สองทักษะที่เสริมการคิดอย่างเป็นระบบ

การอ่าน: สะสมคำศัพท์ + เข้าใจไวยากรณ์ผ่านบริบท

การอ่านภาษาอังกฤษจะช่วยให้คุณเห็นคำศัพท์และโครงสร้างภาษาที่ถูกต้องซ้ำ ๆ ซึ่งเป็นการฝึกสมองโดยไม่ต้องนั่งท่องจำ

วิธีฝึก:

  • เริ่มจาก นิทานเด็ก / บทความง่าย ๆ เช่น Voice of America – Learning English Level 1
  • ขีดเส้นใต้คำที่ไม่รู้ และจดไว้ในสมุด
  • สรุปใจความสั้น ๆ เป็นภาษาอังกฤษ

แนะนำเว็บไซต์:

📷 ภาพหน้าจอบทความอ่านง่าย Alt: เนื้อหาอังกฤษระดับต้น มีคำแปลใต้ประโยค

การเขียน: เริ่มจากประโยคสั้น ๆ → ย่อหน้า → บทความ

การเขียนเป็นการใช้คำศัพท์และไวยากรณ์ในระดับสูงขึ้น ควรเริ่มจากแบบฝึกที่ใช้บ่อย เช่น

  • เขียนแนะนำตัว (My name is…, I like…)
  • เขียน diary วันละ 3–5 บรรทัด
  • เขียนบทความ 100–150 คำ ฝึกใช้คำเชื่อม (so, because, but)

รูปแบบการเขียนเบื้องต้นที่ควรรู้:

ประเภทตัวอย่างหัวข้อโครงสร้างที่แนะนำ
จดหมายขอข้อมูลเรียนภาษาอังกฤษคำขึ้นต้น – เนื้อหา – คำลงท้าย
รายงานสรุปกิจกรรมการเรียนภาษาบทนำ – เนื้อหา – บทสรุป
ความคิดเห็นทำไมควรเรียนภาษาอังกฤษบทเกริ่น – ข้อคิดเห็น – สรุป

เปรียบเทียบแหล่งเรียนภาษาอังกฤษยอดนิยม

แพลตฟอร์ม / หลักสูตรรูปแบบราคา (บาท/เดือน)เหมาะสำหรับจุดเด่น
51Talkสอนสด 1:1 กับครู TESOLมีส่วนลดให้ ทดลองใช้ฟรีผู้ไม่มีพื้นฐานปรับบทเรียนตามเป้าหมาย
Duolingoแอปฝึกสนุกฟรีผู้เริ่มต้นที่อยากฝึกทุกวันเกมคำศัพท์และไวยากรณ์
BBC Learning Englishวิดีโอ + Audioฟรีทุกระดับสำเนียงเจ้าของภาษา
Thai MOOC: ม.มหิดลคอร์สออนไลน์ฟรีผู้สนใจเรียนอย่างมีระบบมีแบบฝึก + สอบวัดผล
Eng Breakingวิดีโอ + MP3 + หนังสือ2,490 (ซื้อครั้งเดียว)ผู้เน้นเรียนด้วยตัวเองฝึกฟัง-พูดเน้นสำเนียง

ข้อมูลอัปเดตจากเว็บไซต์ทางการของแต่ละแพลตฟอร์ม (ก.ค. 2568)

ตัวอย่างความสำเร็จจริงจากผู้เรียน

กรณีศึกษา 1: จากพนักงานร้านกาแฟสู่ผู้จัดการ

คุณอัญชลี อายุ 29 ปี เริ่มเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ศูนย์ผ่าน 51Talk สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ใช้เวลาทั้งหมด 8 เดือน ปัจจุบันสามารถพูดและเขียนอีเมลกับชาวต่างชาติในที่ทำงานได้ และได้รับการเลื่อนตำแหน่ง

“ตอนแรกพูดไม่ได้เลยค่ะ ฟังยังไม่รู้เรื่อง พอมีครู TESOL คอยแนะนำ เรากล้าพูดขึ้นมาก” – อัญชลี

กรณีศึกษา 2: นักเรียน ม.ปลาย ที่สอบ TOEIC ได้ 790

น้องเมย์ อายุ 17 ปี ใช้ Duolingo ควบคู่กับการเรียนคอร์ส TOEIC ผ่าน Thai MOOC ฝึกฟังและอ่านบทความทุกวัน วันละ 30 นาที ผลสอบ TOEIC ได้ 790 คะแนนในครั้งแรก

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q1: หากไม่มีพื้นฐานเลยจริง ๆ จะเริ่มจากตรงไหน?
A: เริ่มจากคำศัพท์ 300 คำที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น eat, go, like จากนั้นเรียนรู้โครงสร้างประโยคง่าย ๆ เช่น I like coffee. และฝึกฟังเสียงเจ้าของภาษาสั้น ๆ

Q2: การเรียนออนไลน์หรือกับครูตัวต่อตัวแบบไหนได้ผลดีกว่า?
A: ถ้าเริ่มต้นไม่มีพื้นฐานเลย แนะนำเรียนกับครูตัวต่อตัวที่มีใบ TESOL เพราะจะมีเทคนิคเฉพาะ เช่น การใช้ภาพ, การสอนโดยไม่แปลคำศัพท์แบบตรงตัว

Q3: ใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะพูดได้?
A: โดยเฉลี่ยผู้เรียนสามารถพูดสื่อสารพื้นฐานได้ใน 3–6 เดือน หากฝึกสม่ำเสมอวันละ 30 นาที

Q4: เรียนฟรีได้ที่ไหนบ้าง?
A: เว็บไซต์เช่น VOA Learning English, BBC Learning English, Thai MOOC ของมหาวิทยาลัยมหิดล มีหลักสูตรฟรีพร้อมแบบฝึกหัด

สรุปเนื้อหา

การ เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่เริ่มต้น จนพูด อ่าน เขียนได้ นั้นไม่ยากเกินไป หากมีเป้าหมายที่ชัดเจน มีเครื่องมือเหมาะสม และลงมือฝึกสม่ำเสมอ ผู้เรียนควรเริ่มจากคำศัพท์พื้นฐาน การฟังเสียงเจ้าของภาษา และฝึกพูดในสถานการณ์ง่าย ๆ ทุกวัน จากนั้นจึงพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนผ่านแบบฝึกหัดที่เป็นระบบ และเลือกเรียนกับครูที่ผ่านการรับรอง เช่น TESOL หรือใช้แพลตฟอร์มอย่าง 51Talk เพื่อความมั่นใจ

การเริ่มต้นอย่างถูกต้องคือก้าวสำคัญที่จะทำให้คุณใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจในโลกจริง

Related Post

รับฟรี! คลาสเรียนภาษาอังกฤษมูลค่า 1,500 บาท

This field is required.
ฟิลด์นี้จำเป็นต้องระบุ.
Về tôi

51Talk แพลตฟอร์มเรียนภาษาอังกฤษที่คุณพ่อคุณแม่ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลกให้ความไว้วางใจ เรียนผ่านแอปออนไลน์กับครูชาวต่างชาติแบบตัวต่อตัว

scroll-top