
สรุปโครงสร้างประโยค Past Simple ได้อย่างไร ให้จำไว ใช้ได้ทันที—สูตรบอกเล่า ปฏิเสธ คำถาม คำบอกเวลา และตัวอย่างใช้จริง
ถ้าคุณกำลังถามว่า “สรุปโครงสร้างประโยค Past Simple ได้อย่างไร” ให้เข้าใจในเวลาไม่นาน คำตอบคือ: จำแค่ 3 แบบหลัก (บอกเล่า/ปฏิเสธ/คำถาม) + รู้ว่าเมื่อไหร่ควรใช้ + แยก “กริยาเติม -ed” กับ “คำกริยาไม่ปกติ” แล้วฝึกเล่าเรื่องสั้น ๆ จากสิ่งที่ทำจริงในชีวิตประจำวัน คุณจะเริ่มใช้ Past Simple ได้แบบไม่ต้องท่องยาว บทความนี้สรุปโครงสร้าง Past Simple แบบตรงไปตรงมา มีตารางเทียบให้เห็นภาพ รวมคำบอกเวลาในอดีตที่ใช้บ่อย ประโยคคำถาม Past Simple ที่คนมักพลาด และเทคนิคฝึกให้ใช้ได้จริงสำหรับคนเริ่มจากศูนย์

ภาพรวมแบบเร็วใน 5 นาที
Past Simple ใช้เมื่อพูดถึง “เหตุการณ์ในอดีตที่จบแล้ว” หรือ “ความจริงในอดีต” จุดสำคัญคือเวลาเกิดขึ้นชัดเจน (มีคำบอกเวลาในอดีต) หรือบริบทชี้ว่าจบไปแล้ว ถ้าคุณอยากสรุปโครงสร้าง Past Simple ให้จบไว ให้ยึดหลักนี้: กริยาช่อง 2 (verb 2) ใช้เฉพาะประโยคบอกเล่า แต่ในประโยคปฏิเสธและคำถาม ให้กลับไปใช้กริยาช่อง 1 เสมอ
- บอกเล่า: Subject + Verb2 + (Object/ส่วนขยาย)
- ปฏิเสธ: Subject + did not (didn’t) + Verb1
- คำถาม: Did + Subject + Verb1 ?
ถ้าคุณกำลังถามว่า “สรุปโครงสร้างประโยค Past Simple ได้อย่างไร” ให้ใช้ได้ทันที ลองจำเป็นประโยคแม่แบบ 3 บรรทัดด้านบน แล้วเริ่มแต่งประโยคจากเรื่องที่คุณทำเมื่อวาน จากนั้นค่อยเพิ่มรายละเอียด เช่น คำบอกเวลาในอดีต และคำกริยาไม่ปกติที่ใช้บ่อย
ลิงก์อ่านต่อในเว็บคุณ (บทที่เกี่ยวข้อง): Past Simple Tense โครงสร้าง เรียนรู้ใน 5 นาที, คู่มือเริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษจาก 0
สูตร 3 แบบที่ต้องจำ (บอกเล่า/ปฏิเสธ/คำถาม)
1) ประโยคบอกเล่า: เล่า “ทำอะไรมา” แบบจบแล้ว
โครงสร้าง Past Simple ที่ใช้บ่อยที่สุดคือ Subject + Verb2 เช่น:
• I watched a movie last night.
• She went to the market yesterday.
เคล็ดลับจำไว: ถ้าประโยคนี้ “ไม่มี did” ให้ใช้ Verb2 ได้เลย นี่คือจุดที่ช่วยให้สรุปโครงสร้าง Past Simple ได้ไวแบบไม่สับสน (คีย์เวิร์ดที่คนชอบค้น: โครงสร้าง Past Simple, verb 2, คำกริยาไม่ปกติ)
2) ประโยคปฏิเสธ: พอมี did not ให้กลับไปใช้ Verb1
สูตรคือ Subject + didn’t + Verb1 ตัวอย่าง:
• I didn’t watch a movie last night.
• He didn’t go to school yesterday.
ข้อผิดพลาดที่เจอบ่อยมาก: เขียน didn’t went หรือ didn’t watched จำให้ขึ้นใจว่า didn’t + Verb1 เท่านั้น
3) ประโยคคำถาม: Did นำหน้า แล้วใช้ Verb1
สูตรคือ Did + Subject + Verb1 ? ตัวอย่าง:
• Did you study yesterday?
• Did she come home late?
คำถามแบบมี Wh- (What/Where/When/Why/How)
สูตรคือ Wh- + did + Subject + Verb1 ? ตัวอย่าง:
• Where did you go yesterday?
• What did he eat last night?
ถ้าคุณอยาก “สรุปโครงสร้างประโยค Past Simple ได้อย่างไร” ให้จบในหัวข้อเดียว ให้จำว่า ทุกครั้งที่มี did (didn’t/did) กริยาหลังสุดเป็นช่อง 1 เสมอ แค่นี้คุณจะลดข้อผิดพลาดไปได้เยอะมาก
กริยาเติม -ed และคำกริยาไม่ปกติ (verb 2)
จุดที่ทำให้คนเริ่มจากศูนย์สับสนคือ “verb 2 มาจากไหน” จริง ๆ มี 2 กลุ่มเท่านั้น: กริยาปกติ (เติม -ed) และ คำกริยาไม่ปกติ (ต้องจำรูปเฉพาะ) นี่คือหัวใจของการสรุปโครงสร้าง Past Simple ให้ถูกต้อง
กริยาปกติ: เติม -ed แต่มีตัวสะกดที่ต้องระวัง
- work → worked
- play → played
- clean → cleaned
- like → liked (ตัด e แล้วเติม -d)
- stop → stopped (พยัญชนะท้ายซ้ำ แล้วเติม -ed)
- study → studied (y → ied)
คำกริยาไม่ปกติ: ใช้บ่อยก่อน แล้วค่อยขยาย
ถ้าเพิ่งเริ่ม ไม่ต้องจำทั้งเล่ม ให้เริ่มจาก “ชุดที่ใช้บ่อยมาก” แล้วเอาไปแต่งประโยคทันที (คีย์เวิร์ดที่คนชอบค้น: คำกริยาไม่ปกติ, irregular verbs, กริยา 2 ช่อง, Past Simple ใช้อย่างไร)
| Verb1 | Verb2 | ตัวอย่าง Past Simple |
|---|---|---|
| go | went | I went to the gym yesterday. |
| come | came | She came home late. |
| eat | ate | They ate noodles last night. |
| see | saw | We saw a cute dog. |
| have | had | He had a test yesterday. |
| do | did | I did my homework. |
| make | made | She made a sandwich. |
| get | got | We got home at 7 p.m. |
| take | took | I took a photo. |
| write | wrote | He wrote a short story. |
เทคนิคให้จำไวขึ้น: จับ “คำกริยาไม่ปกติ” มาแต่งเป็นประโยคของตัวเองวันละ 5 ประโยค เช่น “เมื่อวานฉัน went… / ฉัน ate… / ฉัน saw…” วิธีนี้ช่วยให้สรุปโครงสร้าง Past Simple กลายเป็นทักษะ ไม่ใช่การท่อง

คำบอกเวลาในอดีตที่ช่วยให้เลือกกาลได้ถูก
หลายคนพลาด Past Simple เพราะประโยค “พูดถึงอดีต” แต่ไม่ได้ใส่คำบอกเวลา ทำให้ลังเลว่าจะใช้กาลไหน วิธีแก้ง่ายมาก: เติมคำบอกเวลาในอดีตให้ชัด แล้ว Past Simple จะ “ล็อก” เอง (คีย์เวิร์ดที่คนชอบค้น: คำบอกเวลาในอดีต, Past Simple ใช้เมื่อไหร่, โครงสร้าง Past Simple)
- yesterday (เมื่อวาน)
- last night / last week / last month / last year
- … ago เช่น two days ago, three weeks ago
- in 2019 / in 2020 (ปีที่ระบุชัด)
- when I was… (ตอนที่ฉัน…)
ตัวอย่างที่ใช้ได้ทันที:
• I called you yesterday.
• We met two years ago.
• She studied English in 2021.
ถ้าอยาก “สรุปโครงสร้างประโยค Past Simple ได้อย่างไร” ให้จำแบบง่าย ๆ: เจอคำว่า yesterday/last/… ago/ปีที่ระบุชัด → Past Simple แล้วเอาสูตร 3 แบบจากหัวข้อก่อนหน้ามาใส่ลงไป
ตารางเปรียบเทียบกับกาลที่ชอบสับสน
เวลาอ่านบทสรุปทั่วไป หลายคนได้สูตร แต่ยัง “เลือกใช้ผิดสถานการณ์” ตารางนี้ช่วยตัดสินใจให้เร็วขึ้น โดยเฉพาะเวลาต้องเทียบกับ Present Perfect หรือ Past Continuous (คีย์เวิร์ดที่คนชอบค้น: Past Simple vs Present Perfect, Past Continuous กับ Past Simple, สรุป Past Simple 5 นาที)
| สถานการณ์ | กาลที่เหมาะ | ตัวอย่าง | สัญญาณที่เห็นบ่อย |
|---|---|---|---|
| เหตุการณ์จบแล้ว เวลาในอดีตชัด | Past Simple | I visited Chiang Mai in 2022. | in 2022, yesterday, last… |
| พูดถึง “ประสบการณ์” ไม่เน้นเวลา | Present Perfect | I have visited Chiang Mai. | ever, never, already, yet |
| เหตุการณ์กำลังเกิด “ค้างอยู่” ในอดีต แล้วมีอีกเหตุการณ์แทรก | Past Continuous + Past Simple | I was studying when he called. | when, while |
ถ้าคุณอยากอ่านบทที่เกี่ยวข้องในเว็บคุณเพื่อใช้ทำลิงก์ภายในแบบธรรมชาติ: โครงสร้าง Present Perfect: วิธีใช้และตัวอย่าง (เหมาะมากสำหรับบท “เปรียบเทียบ Past Simple กับ Present Perfect”)
จุดพลาดยอดฮิตและวิธีแก้แบบทันที
พลาด 1: ใส่ Verb2 หลัง did/didn’t
ผิด: Did you went yesterday?
ถูก: Did you go yesterday?
วิธีแก้: เจอ did เมื่อไหร่ ให้สลับกลับ Verb1 ทันที นี่คือทางลัดของคนที่อยากสรุปโครงสร้าง Past Simple ให้ไม่หลุด
พลาด 2: เล่าอดีต แต่ใช้คำบอกเวลาที่ไม่ชัด
ถ้าคุณพูด “I watched a movie.” ได้ แต่ยังไม่มั่นใจ ให้เติมคำบอกเวลา: “I watched a movie last night.” พอเวลาชัด สมองจะเลือก Past Simple ได้ง่ายขึ้น
พลาด 3: สลับใช้ was/were + verb2 แบบไม่จำเป็น
Past Simple ไม่ต้องมี was/were ทุกประโยค
• I was happy. (เป็น “สถานะ” ใช้ was ได้)
• I played football. (เป็น “การกระทำ” ใช้ verb2)
พลาด 4: จำคำกริยาไม่ปกติแบบแยกเดี่ยว
ถ้าจำไปแล้วลืมเร็ว ให้ผูกกับประโยคจริง เช่น “I went… / I ate… / I saw… / I took…” ยิ่งใช้บ่อย คำกริยาไม่ปกติจะติดเอง
หมายเหตุเรื่องแนวสอน: งานวิจัยสรุปเชิงปริมาณหลายชิ้นพบว่า “การสอนแบบชัดเจน” ช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาได้จริง โดยรายงานค่าอิทธิพลอยู่ในระดับปานกลางถึงค่อนข้างสูง (ตัวอย่าง meta-analysis: d ≈ 0.81–1.07) เพราะฉะนั้น การสรุปโครงสร้าง Past Simple ให้ชัดตั้งแต่ต้น ไม่ได้ทำให้ภาษาแข็งอย่างเดียว แต่ช่วยให้เอาไปใช้ได้เร็วขึ้น
แผนฝึก 7 วันจากศูนย์ให้ใช้ได้จริง
แผนนี้ออกแบบให้คนเริ่มจากศูนย์ “ใช้ Past Simple ได้” ไม่ใช่แค่ทำแบบฝึกหัด หลักคือ: วันละนิด แต่ทำทุกวัน และทุกวันต้อง “พูด/เขียน” เป็นประโยคของตัวเอง (คีย์เวิร์ดที่คนชอบค้น: แบบฝึกหัด Past Simple, Past Simple คำถาม, โครงสร้าง Past Simple ง่าย ๆ)
วัน 1: ตั้งชุดประโยคแม่แบบ 10 ประโยค
- ฉันทำอะไรเมื่อวาน 5 ประโยค (บอกเล่า)
- ฉันไม่ได้ทำอะไร 3 ประโยค (ปฏิเสธ)
- ถามตัวเอง 2 คำถาม (Did…?)
ตัวอย่าง:
• I studied English yesterday.
• I didn’t watch TV last night.
• Did I drink enough water yesterday?
วัน 2: เพิ่มคำบอกเวลาในอดีต 10 คำ
เลือกคำบอกเวลาในอดีตที่ใช้บ่อย (yesterday, last night, … ago) แล้วบังคับให้ตัวเองใส่ในทุกประโยค คุณจะเลือก Past Simple ได้อัตโนมัติเร็วขึ้น
วัน 3: ฝึกคำกริยาไม่ปกติชุดแรก 12 คำ
ใช้ตารางในหัวข้อก่อนหน้า แล้วแต่งประโยคคำละ 2 ประโยค คำที่แนะนำ: go/went, come/came, eat/ate, see/saw, do/did, have/had, make/made, get/got, take/took, write/wrote (นี่คือแกนของ “สรุปโครงสร้างประโยค Past Simple ได้อย่างไร” แบบจำแล้วใช้ได้)
วัน 4: ฝึกคำถาม + ตอบสั้นให้คล่อง
ฝึกแบบ “ถาม-ตอบ” 10 คู่:
Q: Did you study yesterday?
A: Yes, I did. / No, I didn’t.
Q: Where did you go last weekend?
A: I went to…
วัน 5: เล่าเรื่อง 6 ประโยค (สั้น ๆ แต่ครบ)
เลือกเรื่องเดียว เช่น “เมื่อวานทั้งวัน” แล้วเขียน 6 ประโยคโดยต้องมี:
• 4 ประโยคบอกเล่า + 1 ประโยคปฏิเสธ + 1 ประโยคคำถาม
วัน 6: ตรวจจุดพลาดด้วยเช็กลิสต์ 5 ข้อ
- มี did/didn’t ไหม? ถ้ามี กริยาหลังสุดเป็น Verb1 หรือยัง
- ประโยคบอกเล่าใช้ Verb2 ถูกไหม
- มีคำบอกเวลาในอดีตอย่างน้อย 1 จุดไหม
- คำกริยาไม่ปกติใช้รูปถูกไหม
- ประโยคอ่านแล้วรู้ว่า “จบแล้ว” ไหม
วัน 7: ซ้อมพูด 2 นาที + บันทึกเสียง
พูดเล่าเรื่องเดียวกับวัน 5 แบบไม่อ่านโพย 2 นาที แล้วฟังย้อน ถ้าหลุด ให้จดประโยคที่พลาด แล้วแก้ด้วยสูตร 3 แบบหลัก
ถ้าคุณอยากมีบทเรียนเป็นขั้นตอนและยืดหยุ่น สามารถทำเป็น “บทเสริม” ผ่าน 51Talk Thailand ได้ โดยเลือกคลาสที่เน้นประโยคสั้น ๆ และให้ครูช่วยจับผิด did/Verb1 ให้ทันที อีกหน้าที่เชื่อมโยงได้ดี: แพ็กเกจเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐานปี 2025, 51Talk app: ทางเลือกเรียนอังกฤษออนไลน์
เกร็ดจากงานวิจัยด้านการทบทวนคำศัพท์แบบเว้นระยะ: การฝึกวันละไม่กี่นาทีแต่ทำต่อเนื่อง สามารถเพิ่มการคงอยู่ของคำศัพท์ระยะยาวได้อย่างมีนัยสำคัญ (รายงานหนึ่งระบุว่าผู้เรียนที่ทำกิจกรรมเฉลี่ยวันละ ~3 นาที มีอัตราการจำระยะยาวเพิ่มขึ้นหลายเท่า) แนวคิดเดียวกันนี้นำมาใช้กับ Past Simple ได้: วันละนิด แต่ “ใช้จริง”
กรณีศึกษาและผลลัพธ์จริง
โปรไฟล์ครูผู้สอนและแนวทางที่ใช้
ผู้เขียนเป็นผู้สอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กและผู้เริ่มจากศูนย์มากกว่า 10 ปี เน้นการสอนแบบ “สั้น ชัด ใช้ได้ทันที” โดยให้ผู้เรียนพูด/เขียนจากเรื่องจริง แล้วแก้ให้ตรงจุด (did/Verb1, verb2, คำบอกเวลาในอดีต) สำหรับการเลือกครูต่างชาติหรือครูผู้สอนออนไลน์ แนะนำให้ตรวจสอบว่ามีวุฒิ/หลักสูตรด้านการสอนภาษาอังกฤษ เช่น TESOL/TEFL หรือการอบรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อความมั่นใจด้านมาตรฐานการสอน
เคส 1: จาก “แต่งประโยคไม่ออก” ไปสู่ “เล่าเรื่องเมื่อวานได้ 8–10 ประโยค”
ปัญหาตั้งต้น: ผู้เรียนจำคำศัพท์ได้บ้าง แต่เรียงประโยค Past Simple ไม่เป็น มักสลับ did กับ verb2 และไม่ใส่คำบอกเวลาในอดีต
แผนที่ใช้: 7 วันตามหัวข้อก่อนหน้า + เพิ่มกิจกรรม “ถาม-ตอบ 10 คู่” ทุกวัน
ผลที่เห็น: ผู้เรียนเริ่มเล่าเรื่องสั้นเกี่ยวกับเมื่อวานได้คล่องขึ้นอย่างชัดเจน โดยข้อผิดพลาด did+verb2 ลดลงมาก และเริ่มใช้คำบอกเวลาในอดีตได้ถูกตำแหน่ง
เคส 2: ทำข้อสอบไวยากรณ์ได้ แต่พูดไม่ออก → แก้ด้วย “สคริปต์ 60 วินาที”
ปัญหาตั้งต้น: ผู้เรียนทำแบบฝึกหัดเลือกคำตอบได้ แต่พูดจริงชอบหยุดกลางประโยค
แผนที่ใช้: เขียนสคริปต์ 60 วินาที 1 เรื่อง/วัน (6 ประโยค) บังคับให้มี 1 ปฏิเสธ + 1 คำถาม แล้วอัดเสียง
ผลที่เห็น: ความเร็วในการพูดดีขึ้น และการเลือก verb2 เริ่ม “อัตโนมัติ” มากขึ้น เพราะประโยคซ้ำในบริบทจริง
ตัวอย่าง “สคริปต์ 60 วินาที” ที่นำไปใช้ได้ทันที
Yesterday, I woke up early. I took a shower and ate breakfast. I went to work at 9 a.m. I didn’t drink coffee. After work, I met my friend. Did I feel tired? Yes, I did.
ข้อสำคัญ: กรณีศึกษานี้เป็นตัวอย่างจากการสอนจริงของผู้เขียน ผลลัพธ์อาจแตกต่างตามเวลาและความสม่ำเสมอในการฝึก แต่ถ้าทำตามหลัก “สูตร 3 แบบ + คำบอกเวลา + ฝึกใช้จริง” คุณจะเห็นพัฒนาการไวขึ้นมาก และนี่คือคำตอบแบบใช้งานได้ของคำถาม “สรุปโครงสร้างประโยค Past Simple ได้อย่างไร”
คำถามที่พบบ่อย
1) Past Simple ใช้เมื่อไหร่แน่ ๆ?
ใช้เมื่อพูดถึงเหตุการณ์หรือสถานะในอดีตที่ “จบแล้ว” โดยเฉพาะเมื่อมีคำบอกเวลาในอดีต เช่น yesterday, last…, … ago หรือปีที่ระบุชัด
2) ทำไมประโยคปฏิเสธถึงไม่ใช้ verb2?
เพราะ did ทำหน้าที่เป็นตัวบอกอดีตอยู่แล้ว ดังนั้นกริยาหลัง did/didn’t ต้องเป็นช่อง 1 เสมอ: didn’t + Verb1
3) ถ้าจำคำกริยาไม่ปกติไม่ได้ ควรเริ่มยังไง?
เริ่มจาก 10–12 คำที่ใช้บ่อย (go, come, eat, see, do, have, make, get, take, write) แล้วแต่งเป็นประโยคจริงวันละ 2 ประโยค/คำ วิธีนี้เร็วกว่าเปิดตารางแล้วท่องยาว
4) อยากฝึกให้พูดได้ ไม่ใช่แค่ทำแบบฝึกหัด ทำอะไรเพิ่ม?
ทำ “สคริปต์ 60 วินาที” วันละ 1 เรื่อง และอัดเสียง ฟังย้อนแล้วแก้ 2 จุด: did/Verb1 และการเลือก verb2 ถ้าอยากได้ครูช่วยฟีดแบ็กทันที สามารถใช้คลาสสดกับ 51Talk Thailand เป็นตัวช่วยได้
5) ถ้าจะสรุปโครงสร้าง Past Simple ให้จำใน 1 นาที ควรจำประโยคอะไร?
จำ 3 บรรทัดนี้:
• Subject + Verb2
• Subject + didn’t + Verb1
• Did + Subject + Verb1 ?
แล้วเติมคำบอกเวลาในอดีต 1 จุด คุณจะ “ใช้งานได้ทันที”
แหล่งอ้างอิงและหมายเหตุ
แหล่งอ้างอิง
- British Council (LearnEnglish) – Past simple (อธิบายการใช้ Past Simple และตัวอย่าง) อ่านข้อมูล
- Cambridge Dictionary (English Grammar Today) – Past simple (I worked) (โครงสร้างและการใช้ในบริบทต่าง ๆ) อ่านข้อมูล
- ERIC (Full text) – The effectiveness of computer-based spaced repetition in foreign language vocabulary (งานวิจัยเรื่องการทบทวนแบบเว้นระยะ) อ่านเอกสาร
- ERIC – Effects of Different Forms of Explicit Instruction (meta-analysis; สรุปผลเชิงปริมาณเกี่ยวกับการสอนแบบชัดเจน) อ่านสรุปงานวิจัย
- TESOL International Association – TESOL Core Certificate Program (ข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตร/มาตรฐานการพัฒนาครู) อ่านข้อมูล
หมายเหตุและข้อสงวนสิทธิ์
เนื้อหานี้จัดทำเพื่อการศึกษาและการฝึกทักษะภาษาอังกฤษ โดยยกตัวอย่างเพื่อความเข้าใจ ผู้เรียนแต่ละคนอาจใช้เวลาแตกต่างกันตามความสม่ำเสมอในการฝึก และรูปแบบการเรียนที่เลือก
ผู้เขียน
ผู้เขียนเป็นผู้สอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กและผู้เริ่มจากศูนย์มากกว่า 10 ปี โฟกัสการสอนแบบ “สั้น ชัด ใช้ได้จริง” เพื่อให้ผู้เรียนสร้างประโยคได้เอง ไม่ติดการท่องอย่างเดียว








